ร่องลึกใต้ตา เป็นปัญหาผิวหน้าที่พบบ่อยในหลายช่วงวัย ทั้งคนหนุ่มสาวและผู้สูงวัย ซึ่งสามารถส่งผลกระทบกับผู้ที่พบปัญหานี้ทั้งด้านความมั่นใจ และบุคลิกภาพ ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส วันนี้ The Signature Clinic จึงอยากมานำเสนอข้อมูลสำคัญ ทั้งการเข้าใจสาเหตุและวิธีการรักษา ที่จะช่วยให้คุณมีแนวทางที่ถูกต้อง เพื่อให้ร่องลึกใต้ตานี้กลับมาสดใสอีกครั้ง
สรุปร่องลึกใต้ตา สาเหตุ และวิธีแก้ไขทั้งแบบธรรมชาติและทางการแพทย์
- ร่องลึกใต้ตา คือ ร่องลึกที่เกิดขึ้นบริเวณใต้ตาจนถึงโหนกแก้ม ทำให้ดวงตาดูโบ๋ลึก หมองคล้ำ และใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส
- สาเหตุของร่องลึกใต้ตา เกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งพันธุกรรม การนอนไม่เพียงพอ ขาดน้ำ ขาดวิตามิน ภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ อายุที่มากขึ้น อุบัติเหตุ และการสูบบุหรี่
- ร่องลึกใต้ตา แม้ไม่ใช่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง แต่สามารถส่งผลต่อจิตใจ ทำให้ขาดความมั่นใจ ไม่กล้าเข้าสังคม และอาจกระทบต่อการทำงานในบางอาชีพ
- วิธีแก้ไขร่องลึกใต้ตาแบบธรรมชาติ ได้แก่ การดูแลความชุ่มชื้น นอนหลับให้เพียงพอ ทาครีมบำรุง ประคบเย็น หลีกเลี่ยงการขยี้ตา ป้องกันแสงแดด และทานอาหารที่มีประโยชน์
- วิธีแก้ไขร่องลึกใต้ตาแบบทางการแพทย์ ที่ได้ผลดีและปลอดภัย ได้แก่ การฉีดฟิลเลอร์ และการใช้เทคโนโลยี Potenza RF Microneedling
- Potenza เป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวจากอิตาลี ที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุควบคู่กับการกระตุ้นด้วยเข็มขนาดเล็ก ช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึกใต้ตา และกระชับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
- The Signature Clinic ให้บริการรักษาร่องลึกใต้ตาด้วยเทคโนโลยี Potenza โดยแพทย์ผู้ชำนาญการ พร้อมเทคนิคพิเศษที่ช่วยลดอาการเจ็บขณะทำ เพื่อให้ลูกค้าได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด
- หากคุณกำลังมองหาคลินิกรักษาร่องลึกใต้ตาที่ทันสมัย ปลอดภัย และได้มาตรฐาน The Signature Clinic พร้อมดูแลและช่วยให้คุณกลับมาสดใส เปล่งประกาย ไร้ร่องรอยใต้ตาอีกครั้ง
“ร่องลึกใต้ตา คืออะไร รักษาวิธีไหนให้ได้ผลดี”
ร่องลึกใต้ตา คืออะไร?
ร่องลึกใต้ตา หรือ ร่องน้ำตา คือ บริเวณที่เกิดร่องลึกบริเวณใต้ตาลงไปจนถึงกระดูกโหนกแก้ม ทำให้เห็นร่องลึกชัดเจน ส่งผลให้ดวงตาดูลึกโบ๋ เบ้าตาดูเหนื่อยล้า และใบหน้าดูโทรม ไม่มีชีวิตชีวาร่องลึกใต้ตาเป็นได้ทั้งแบบติดตัวมาแต่กำเนิด และอาจจะเริ่มเห็นชัดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น หรือเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดร่องลึกบริเวณนี้
ร่องลึกใต้ตา สาเหตุเกิดจากอะไร?
ร่องลึกใต้ตา เกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ซึ่งเป็นได้ทั้งจากพันธุกรรม วิถีชีวิตประจำวัน สภาพแวดล้อม รวมไปถึงความเสื่อมสภาพของร่างกายตามวัย ซึ่งล้วนแต่ส่งผลให้เกิดร่องลึกใต้ตาตาลึก หรือรอยใต้ตาเกิดจาก หลากหลายปัจจัย มาดูกันว่ามีสาเหตุสำคัญอะไรบ้าง ที่ทำให้เกิดปัญหานี้
พันธุกรรม
บางคนมีร่องลึกใต้ตาเกิดขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่เกิด เนื่องจากรูปร่างโครงหน้าหรือกระดูกโหนกแก้มที่มีลักษณะแบนหรือตื้นกว่าปกติ นอกจากนี้ยังอาจมีชั้นไขมันที่บริเวณใต้ดวงตาน้อยกว่าปกติอีกด้วย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นกรรมพันธุ์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด
การพักผ่อนไม่เพียงพอ
การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดร่องลึกใต้ตาได้ การอดนอนหรือนอนดึกเป็นประจำ ทำให้เกิดอาการบวมน้ำบริเวณใต้ตา ส่งผลให้ระยะยาว ผิวใต้ตาจะเริ่มหย่อนคล้อยลง ทำให้เกิดรอยย่นและร่องลึกใต้ตาในที่สุด
ร่างกายขาดน้ำ
การดื่มน้ำไม่เพียงพอ หรือร่างกายขาดน้ำ สามารถส่งผลให้เกิดร่องลึกใต้ตาได้ เนื่องจากเมื่อร่างกายขาดน้ำ ผิวจะแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น เซลล์ผิวจะเหี่ยวย่น และสูญเสียความยืดหยุ่น ส่งผลให้ผิวเกิดริ้วรอยลึกขึ้นได้ โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตาที่เป็นผิวบอบบาง จะยิ่งเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ชัดเจนกว่าบริเวณอื่น ๆ ของใบหน้า
ร่างกายขาดวิตามิน
การขาดวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินเค และธาตุเหล็ก ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดร่องลึกใต้ตาได้ เพราะวิตามินเหล่านี้มีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวเต่งตึง เมื่อร่างกายได้รับวิตามินไม่เพียงพอ ผิวจะหย่อนคล้อย ทำให้เกิดรอยย่นและร่องลึกใต้ดวงตาได้ง่ายขึ้น
โรคภูมิแพ้
ผู้ที่มีภูมิแพ้หรือเป็นโรคภูมิแพ้ มักจะพบว่ามีรอยคล้ำและร่องลึกใต้ตามากกว่าคนปกติ เนื่องจากร่างกายจะหลั่งสารฮีสตามีน เพื่อต่อต้านสารก่อภูมิแพ้ ทำให้เกิดการบวมน้ำ การขยายตัวของหลอดเลือดฝอยบริเวณใต้ดวงตา ส่งผลให้ดวงตาดูคล้ำและลึกลงไป เมื่อประสบปัญหานี้เป็นระยะเวลานาน ก็จะทำให้เกิดร่องลึกใต้ตาในระยะยาวได้
โรคไซนัสอักเสบ
ร่องลึกใต้ตา อาจเป็นผลมาจากภาวะไซนัสอักเสบเรื้อรังได้ เนื่องจากโพรงจมูกหรือโพรงไซนัสบริเวณใกล้ดวงตา เมื่อเกิดการอักเสบ จะทำให้มีของเหลวหรือน้ำคั่งบริเวณนี้ กดทับเนื้อเยื่อบริเวณใต้ตา ทำให้เกิดอาการบวมน้ำ และเมื่อเป็นแบบเรื้อรัง จะค่อย ๆ ทำให้เกิดรอยคล้ำ ผิวหย่อนยาน และมีร่องลึกลงไปได้
อายุที่มากขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความแข็งแรง ไขมันที่อยู่ใต้ชั้นผิวจะเริ่มลดลง คอลลาเจนและอีลาสตินถูกทำลายไปตามกาลเวลา ซึ่งบริเวณรอบดวงตาจะมีผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด เพราะเป็นผิวที่บอบบางอยู่แล้ว เมื่อเกิดการเสื่อมสภาพของผิว จึงทำให้เห็นร่องลึกและริ้วรอยในบริเวณนี้ได้ง่าย
ประสบอุบัติเหตุ และการบาดเจ็บ
กรณีที่เคยได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้า กระดูกโหนกแก้ม หรือรอบดวงตา เช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์ หรือการกระแทกอย่างแรง อาจส่งผลต่อกระดูกเบ้าตาและเนื้อเยื่อรอบดวงตา การกระทบกระแทกอย่างรุนแรงนั้น สามารถทำให้เกิดความผิดปกติของกระดูก และเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจทำให้เกิดร่องลึกใต้ตาได้ โดยเฉพาะหากเกิดบาดแผลลึก หรือมีการสูญเสียเนื้อเยื่อไป ก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูง
การสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่เป็นอีกปัจจัยที่สามารถส่งเสริมให้เกิดร่องลึกใต้ตาได้ง่ายขึ้น เพราะสารพิษในควันบุหรี่ เช่น นิโคติน จะไปทำลายเซลล์ผิว ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินเสียหาย สูญเสียความยืดหยุ่น ส่งผลให้ผิวบริเวณใต้ตาเกิดริ้วรอยเร็วกว่าปกติ และมีแนวโน้มเกิดรอยย่นลึกและร่องลึกใต้ตาได้มากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่
ร่องลึกใต้ตา ส่งผลเสียอย่างไร ทำไมต้องรักษา?
ร่องลึกใต้ตา แม้ว่าโดยตรงจะไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย แต่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตได้ เพราะจะทำให้ความมั่นใจของผู้ที่มีปัญหานี้ลดลง ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้
- ทำให้ใบหน้าดูโทรม อ่อนล้า ไม่สดใส แก่กว่าวัย
- ทำให้ขาดความมั่นใจในการเข้าสังคม หรือพบปะผู้คน
- อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานบางอาชีพ ที่ต้องพบปะผู้คนเป็นประจำ
- เป็นปัญหาที่ปกปิดได้ยาก แม้จะแต่งหน้า ก็ไม่สามารถอำพรางร่องลึกใต้ตาได้
- อาจทำให้กลายเป็นคนไม่ค่อยยิ้มแย้ม เพราะกังวลปัญหาใต้ตาตลอดเวลา ส่งผลต่อสุขภาพจิตในระยะยาว
การดูแลและรักษาร่องลึกใต้ตา ด้วยวิธีธรรมชาติ ที่คุณสามารถทำได้เอง
การรักษาร่องลึกใต้ตานอกจากจะทำได้ด้วยวิธีทางการแพทย์แล้ว ยังสามารถบรรเทาและป้องกันได้ด้วยวิธีธรรมชาติง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยการปรับพฤติกรรมบางอย่าง และหันมาใส่ใจดูแลผิวรอบดวงตามากขึ้น ซึ่งวิธีเหล่านี้ ล้วนช่วยลดและชะลอการเกิดร่องลึกใต้ตาได้อย่างเห็นผล
ดูแลความชุ่มชื้นใต้ดวงตา
การดูแลผิวรอบดวงตาให้มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ จะช่วยชะลอและลดปัญหาร่องลึกใต้ตาได้ โดยการเพิ่มการดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หรือ 2-3 ลิตร เพื่อให้ร่างกายสามารถนำน้ำไปหล่อเลี้ยงผิว ป้องกันปัญหาผิวแห้งกร้านและขาดความชุ่มชื้น อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ หรือชา เพราะจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากยิ่งขึ้น
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันและลดปัญหาร่องลึกใต้ตาเพราะขณะที่ร่างกายได้พักผ่อน ร่างกายจะได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างคอลลาเจนใหม่ เพื่อให้ผิวกระชับ เต่งตึง ลดริ้วรอยและร่องตาลึกควรนอนหลับให้ได้อย่างน้อยวันละ 7-9 ชั่วโมง ในช่วงเวลา 4 ทุ่มถึงตี 2 ซึ่งเป็นช่วงเวลาทองของการนอนหลับพักผ่อน
ทาครีมบำรุงรอบดวงตา
การบำรุงผิวด้วยครีมบำรุงผิวรอบดวงตาที่มีคุณภาพ จะช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น และชะลอการเกิดริ้วรอยรอบดวงตา และร่องลึกใต้ตาได้ดี ควรเลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามิน สารสกัดจากธรรมชาติ ที่มีส่วนช่วยบำรุงผิว เช่น วิตามินซี วิตามินอี สารสกัดจากชาเขียว หรือคาเฟอีน เป็นต้น โดยทาเป็นประจำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เพื่อคงความชุ่มชื้นให้ผิว
ประคบเย็นรอบดวงตา
เทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยลดอาการบวม และช่วยให้ร่องลึกใต้ตาดูตื้นขึ้นคือการประคบเย็น โดยการใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเย็น หรือน้ำแข็ง นำมาประคบบริเวณใต้ตา ครั้งละ 10-15 นาที วันละ 2-3 ครั้ง การประคบเย็นจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตบริเวณใต้ตาให้ดีขึ้น ลดอาการบวมน้ำ ลดความหมองคล้ำ และช่วยกระชับรูขุมขน ผิวจะดูสดใสและเต่งตึงมากยิ่งขึ้น
หลีกเลี่ยงการขยี้ตา
การขยี้ตาแรง ๆ บ่อย ๆ จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาร่องลึกใต้ตาได้ง่ายขึ้น เพราะการขยี้ตาเป็นการกระทำที่รุนแรงกับผิวบอบบางบริเวณรอบดวงตา ทำให้เกิดการระคายเคือง บวมแดง และการสูญเสียความยืดหยุ่นของผิว ส่งผลให้เกิดริ้วรอยร่องตาลึกและถุงใต้ตาได้ง่ายขึ้น หากรู้สึกระคายเคืองตา แนะนำให้ใช้น้ำเกลือล้างตา หรือหยอดน้ำตาเทียมแทน
การป้องกันแสงแดด
แสงแดดเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่มีผลต่อการเกิดริ้วรอยร่องลึกใต้ตาเร็วก่อนวัย รังสี UV ในแสงแดดจะไปทำลายเซลล์ผิว ทำให้ผิวหย่อนคล้อย เสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยลึกได้ง่าย ดังนั้นควรป้องกันผิวจากแสงแดดทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน โดยการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 PA+++ ก่อนออกแดด รวมถึงสวมแว่นกันแดด และหมวกปีกกว้าง เพื่อป้องกันแสงแดดโดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตาด้วย
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพผิว จะช่วยลดปัญหาร่องลึกใต้ตาและริ้วรอยก่อนวัยได้ เช่น อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ หรืออาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ เช่น อะโวคาโด แตงกวา มะเขือเทศ เป็นต้น นอกจากนี้ อาหารโปรตีนก็สำคัญ เพราะช่วยในการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เพื่อให้ผิวเต่งตึง ลดริ้วรอยลงได้
วิธีแก้ใต้ตาลึกแบบทางการแพทย์
ในกรณีที่มีปัญหาร่องลึกใต้ตาที่ค่อนข้างลึกและชัดเจน หรือเกิดจากสาเหตุที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีธรรมชาติ การรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้ผลดี ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยหลายวิธี ที่ช่วยแก้ไขปัญหาร่องตาลึกหรือขอบตาลึกได้อย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
การเสริมฟิลเลอร์ใต้ตา
การเสริมฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาด้วยสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic acid filler) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการแก้ไขปัญหาร่องลึกใต้ตาได้อย่างรวดเร็ว โดยแพทย์จะฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณที่มีร่องลึกและหลุมตื้น ๆ เพื่อเติมเต็มให้เนียนเรียบ ทำให้ใต้ตาดูกระชับและอิ่มฟูมากขึ้น รวมถึงช่วยลดเลือนความหมองคล้ำใต้ดวงตาได้ ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้อาจอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
การยกกระชับผิวด้วยโปรแกรม Potenza
สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาร่องลึกใต้ตาและหมองคล้ำ ตลอดจนกระชับผิวใต้ตา การใช้เทคโนโลยี Potenza จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ โดย Potenza ใช้พลังงานจาก RF หรือคลื่นวิทยุ ร่วมกับ Microneedling ซึ่งสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินบริเวณรอบดวงตา ทำให้ผิวมีความตึงกระชับ ช่วยลดเลือนริ้วรอยและร่องลึกใต้ตาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
การยกกระชับผิวรอบดวงตา ด้วยโปรแกรม Potenza
Potenza เป็นเทคโนโลยีจากอิตาลี ที่สามารถยกกระชับผิวรอบดวงตาและช่วยลดปัญหาร่องลึกใต้ตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย Potenza จะใช้พลังงานจาก RF กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวและคอลลาเจน ควบคู่ไปกับการใช้เข็มขนาดเล็กกระตุ้นผิวชั้นลึก เพื่อทำให้ผิวกระชับ เต่งตึง และเรียบเนียน โดยกระบวนการนี้จะเป็นการช่วยเติมเต็มรอยใต้ตาเกิดจากความหย่อนคล้อยของผิว พร้อมกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าสะสมให้หลุดออก ผิวใหม่ที่เกิดขึ้นจึงนุ่มเนียน ชุ่มชื้น และอ่อนเยาว์กว่าเดิม
“ปรับผิวให้เนียน ด้วย Potenza เทคโนโลยีที่จะฟื้นสภาพผิวให้กลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง”
หากต้องการรักษาร่องลึกใต้ตา ทำไมต้องเลือกบริการจาก The Signature Clinic
การรักษาร่องลึกใต้ตาไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ล้วนมีความสำคัญต่อใบหน้าอย่างมาก เพราะเป็นจุดที่สามารถสังเกตได้ง่าย และสะท้อนถึงความอ่อนล้า ไม่สดใส ของใบหน้าได้อย่างชัดเจน The Signature Clinic เล็งเห็นถึงความสำคัญนี้ จึงนำเทคโนโลยีการรักษาใบหน้าระดับสากลอย่างโปรแกรม Potenza เข้ามาเพื่อช่วยแก้ปัญหา ใต้ตาลึกเป็นรอยใต้ตาโดยเฉพาะ โดยเป็นวิธีที่ไม่เจ็บ ไม่บอบช้ำ เห็นผลได้ในระยะยาว ปลอดภัย และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติหลังทำ
สรุป
ร่องลึกใต้ตา เกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม การไม่ดูแลตนเอง การเจ็บป่วย หรือความเสื่อมสภาพของร่างกายตามวัย ซึ่งแม้จะไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงต่อสุขภาพ แต่ก็สามารถกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้ทั้งด้านความมั่นใจและอารมณ์ อย่างไรก็ตาม เรายังสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยวิธีดูแลผิวแบบธรรมชาติ หรือเลือกรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์อย่างถูกต้องและปลอดภัย พร้อมความชำนาญจากทีมแพทย์ที่ The Signature Clinic เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าจะกลับมาสดใส เปล่งประกาย ไร้ร่องลึกใต้ตาอีกครั้ง
คำถามที่พบบ่อย
ทำไงให้ร่องใต้ตาหาย?
มีหลากหลายวิธีที่ช่วยในการรักษาร่องลึกใต้ตาได้แก่
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยง เช่น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการขยี้ตา หมั่นทาครีมบำรุง
- ใช้เทคนิคธรรมชาติ เช่น ประคบเย็น ดื่มน้ำให้พอ ทานอาหารบำรุงผิว
- พบแพทย์เพื่อรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ เช่น ฉีดฟิลเลอร์ เลเซอร์กระชับผิว หรือรักษาด้วย Potenza
อะไรคือสาเหตุของร่องใต้ตาลึก?
ปัจจัยที่ทำให้เกิดร่องลึกใต้ตามีหลายประการ เช่น
- มีพันธุกรรมที่ทำให้โครงหน้าหรือกระดูกโหนกแก้มมีลักษณะเป็นร่องลึกใต้ตาตั้งแต่เกิด
- การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการบวมน้ำ และรอยใต้ตา
- ร่างกายขาดน้ำ ทำให้ผิวแห้งและเกิดริ้วรอยใต้ตาเกิดจากการขาดความชุ่มชื้น
- อายุที่มากขึ้น ส่งผลให้เกิดการสูญเสียคอลลาเจนและไขมันใต้ผิว ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาเกิดจากความเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ
วาสลีนทาใต้ตาช่วยอะไร?
การใช้วาสลีนทาบริเวณใต้ตา ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวรอบดวงตา เพราะวาสลีนมีคุณสมบัติเป็นสารกักเก็บความชุ่มชื้น ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดร่องลึกใต้ตาหรือขอบตาลึกได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม วาสลีนเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตาที่มีอยู่แล้วได้ และในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย อาจทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน ส่งผลให้เกิดสิวอักเสบรอบดวงตาได้
เบ้าตาลึกเป็นกรรมพันธุ์หรือไม่?
ตาลึก หรือร่องลึกใต้ตาบางส่วนเกิดขึ้นได้จากกรรมพันธุ์ เช่น ลักษณะโครงหน้าที่มีกระดูกโหนกแก้มตื้น หรือชั้นไขมันใต้ตาที่บางกว่าคนทั่วไป ทำให้มองเห็นร่องลึกใต้ตาได้ชัดเจน ซึ่งอาจพบได้ตั้งแต่วัยเด็ก หรือเริ่มเห็นชัดขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ทั้งนี้ แม้จะมีกรรมพันธุ์เป็นปัจจัยหนึ่ง แต่การดูแลและปกป้องผิวอย่างถูกวิธี ก็สามารถช่วยชะลอและลดความชัดเจนของร่องใต้ตาลึกลงได้