Radiesse กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว เติมเต็มริ้วรอย ให้ดูอ่อนเยาว์

Radiesse กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว เติมเต็มริ้วรอย ให้ดูอ่อนเยาว์

โปรแกรม Radiesse Filler (เรเดียสซ์) คือนวัตกรรมใหม่ของฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของ CaHA ที่เป็น Biostimulator สำหรับการกระตุ้นการสร้างใหม่ของคอลลาเจน ที่ช่วยฟื้นฟู เติมเต็ม และลดเลือนริ้วรอยได้ในการฉีดครั้งเดียว โดยผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปี 

โปรแกรมการฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) คืออะไร?

Radiesse (เรเดียสซ์) คือ สารกระตุ้นคอลลาเจนประเภท CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นกระบวนการให้เซลล์เกิดการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวด้วยตนเองตามธรรมชาติ พร้อมกับเป็นการเติมวอลุ่มไปด้วยในการฉีดครั้งเดียวกัน โดยผลลัพธ์ที่ได้ในแง่ของการเติมเต็ม คือเห็นผลทันทีไม่ต่างกับการฉีดฟิลเลอร์ และที่สำคัญ เนื่องจากแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์ (CaHA) นั้น เป็นส่วนประกอบหนึ่งของเนื้อเยื่อกระดูกที่ร่างกายผลิตตามธรรมชาติได้อยู่แล้ว จึงเป็นสารที่เข้ากันกับร่างกายได้เป็นอย่างดี และมีการซึมซับได้ง่ายด้วย โดยที่ CaHA สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ มีการรับรองความปลอดภัยโดย USFDA, EUFDA และ THFDA 

โปรแกรม Radiesse (เรเดียสซ์) ถูกนำมาใช้รักษาฟื้นฟูผิวมาแล้วโดยแพทย์ทั่วโลกกว่า 20 ปี ออกฤทธิ์โดยการที่อนุภาคของ CaHA ใน Radiesse จะสร้างเป็นโครงตาข่ายสามมิติ (3D Matrix) ในชั้นผิวหนังแท้ และกระตุ้น Fibroblast ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดคอลลาเจนให้ทำงานและเกิดเป็นเส้นใยโครงสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา โดยร่างกายจะใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ ในการเพิ่มจำนวนขึ้น และเป็นไปอย่างต่อเนื่องอีกประมาณ 1 ปี จึงส่งผลให้การฟื้นฟูผิวในแง่ของริ้วรอย ความกระชับ และร่องลึกต่างๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ในระยะยาว โดยผลลัพธ์อาจมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคล

รีวิวการฉีด Radiesse แบบฉ่ำๆ กับคุณเบญ เรวิญานันท์ ทาเกิด นางเอกสาวคนดัง คนไข้ที่มั่นใจให้หมอบอลดูแลหน้ามาตลอดหลายปี

อยากฉีด Radiesse ที่ผลลัพธ์ดีและปลอดภัย?

 
หมอบอลเป็น Radiesse Trainer ของ Merz และเราเป็น 1 ใน 100 คลินิกแรกของเมืองไทยที่ให้บริการศาสตร์แห่งการฟื้นฟูผิว Radiesse ตัวล่าสุด คนไข้จึงมั่นใจได้ถึงผลลัพธ์ที่ดีและการรักษาที่ปลอดภัย โดยการ #ฉีดRadiesse จะเหมาะกับผู้มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามวัย
 

ฉีด Radiesse ที่ไหนดี? ทำไมถึงควรตัดสินใจฉีด Radiesse Regenerative Biostimulator กับหมอบอล?

Radiesse ช่วยเรื่องกระชับผิว กระตุ้นคอลลาเจน ลดริ้วรอย

โปรแกรม Radiesse Biostimulator Filler ถือว่าเป็นการฉีดฟิลเลอร์กระตุ้นการฟื้นฟูโครงสร้างตาข่ายใต้ผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ 5 ประการ คือ

  • ช่วยเพิ่ม Collagen type 1 ได้ 150% ทำให้ผิวกระชับ
  • ช่วยเพิ่ม Collagen type 3 ได้ 130% เพิ่มประสิทธิภาพในการเรียงตัวของ Collagen type 1
  • ช่วยเพิ่ม อิลาสติน (Elastin) ได้ 260% ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ช่วยลดริ้วรอย
  • ช่วยเพิ่ม Proteoglycan ที่เป็นสารน้ำหล่อเลี้ยงผิว เพิ่มความชุ่มชื้นผิว ให้ผิวดูเต่งตึง
  • ช่วยเพิ่ม Angiogenesis ซึ่งเป็นสารอาหารหล่อเลี้ยงผิว กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวมีสุขภาพดี

บริเวณที่สามารถใช้โปรแกรม Radiesse (เรเดียสซ์) Filler ในการรักษาได้

  • ปัญหาริ้วรอย ทั้งร่องลึกและร่องตื้น บริเวณใบหน้า
  • ปัญหารูปหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
  • ปัญหารอยแผลเป็น แผลเป็นสิว หลุมสิว ร่องสิว
  • ปัญหาร่องแก้มลึก ร่องน้ำหมากลึก
  • ปัญหาริ้วรอยและความเหี่ยวย่นบริเวณเหนือริมฝีปาก
  • ปัญหาหลังมือเหี่ยวย่น
  • ปัญหาความเหี่ยวย่นบริเวณคอ 
  • ปัญหาความเหี่ยวย่นและหย่อนคล้อยบริเวณเนินอกคุณผู้หญิง

โปรแกรม Radiesse Filler เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปี ขึ้นไป ทั้งชายและหญิง
  • ผู้ที่ใบหน้ามีความไม่กระชับ มีความหย่อนคล้อย ที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจน และ อีลาสติน
  • ผู้ที่สุขภาพผิวไม่ดี ไม่ค่อยได้รับการบำรุง
  • ผู้ที่มีร่องลึกตามบริเวณต่างๆ บนใบหน้า
  • ผู้ที่มีปัญหาความเหี่ยวย่นบริเวณลำคอ เนินอก และ หลังมือ

ใครที่ไม่เหมาะกับการฉีดโปรแกรม Radiesse (เรเดียสซ์) Filler?

  • ผู้ที่เป็นโรคเลือดออกง่าย
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ Radiesse และสาร CaHA
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีประวัติการแพ้อย่างรุนแรง

ข้อควรระวังในการฉีดโปรแกรม Radiesse (เรเดียสซ์) Filler

  • ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่ฉีด เป็นสิว หรือเป็นแผลควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฉีดโปรแกรม Radiesse
  • หากต้องการฉีดโปรแกรม Radiesse บริเวณรอบริมฝีปากและบริเวณรอบดวงตาควรปรึกษาแพทย์ตามความเหมาะสมและควรใช้บริการแพทย์ที่มีฝีมือในการทำการฉีด
  • หากผู้เข้ารับบริการมีความจำเป็นต้องทำ X-rays หรือ CT Scans ควรแจ้งแพทย์ที่ทำการดูแลว่าได้รับการบริการโปรแกรม Radiesse มา
  • หากมีประวัติของโรคเริมควรแจ้งแพทย์ผู้เกี่ยวข้องการทำการฉีดโปรแกรม Radiesse 
  • หากผู้เข้ารับบริการกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือยาจำพวกก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด อาทิ แอสไพริน วาร์ฟาริน อาจทำให้เกิดอาการเลือดออก หรือรอยช้ำหลังทำการฉีดโปรแกรม Radiesse ได้ควรรับแจ้งแพทย์ให้ทราบ
  • หากมีประวัติเกิดแผลคีลอยด์ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเช่นกัน

ผลข้างเคียงหลังทำการฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) Filler

  • อาจมีรอยแดงหรือรอยเขียวช้ำเกิดขึ้นได้ชั่วคราวซึ่งอาการเหล่านี้สามารถหายได้เอง
  • อาจมีอาการคันบริเวณที่ฉีดได้ โดยอาการคันดังกล่าวสามารถหายได้เอง
  • อาจมีอาการปวดบริเวณรอยเข็ม ห้ามไปจับหรือเกาเนื่องจากรูเข็มยังปิดไม่สนิทอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ
  • อาจมีการเปลี่ยนสีเช่นผิวซีดลงในบริเวณที่ทำการรักษาหากเกิดกรณีนี้ให้ปรึกษาแพทย์ในทันที

ความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง Radiesse กับ HA Filler

ความเหมือน

  1. การใช้งาน: ทั้ง Radiesse และ HA filler (Hyaluronic Acid filler) ถูกใช้ในการฉีดเพื่อเสริมสร้างใบหน้า แก้ไขริ้วรอยและเพิ่มปริมาตรให้กับใบหน้า
  2. กระบวนการฉีด: ทั้งสองชนิดจะถูกฉีดเข้าสู่ผิวหนังโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้กระบวนการที่คล้ายกันในการฉีดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
  3. ความปลอดภัย: ทั้ง Radiesse และ HA filler ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) ว่าปลอดภัยสำหรับการใช้งานในการเสริมความงาม

ความแตกต่าง

  1. ส่วนประกอบ:

    • Radiesse: มีส่วนประกอบหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในกระดูกมนุษย์
    • HA Filler: ประกอบด้วย Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในผิวหนังและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของมนุษย์
  2. ผลลัพธ์และระยะเวลา:

    • Radiesse: ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานประมาณ 12-18 เดือน เนื่องจาก CaHA กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง
    • HA Filler: ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของ HA filler และบริเวณที่ฉีด
  3. การกระตุ้นคอลลาเจน:

    • Radiesse: นอกจากเพิ่มปริมาตรให้กับผิวแล้วยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ทำให้ผิวดูแน่นและเต่งตึงขึ้น
    • HA Filler: ให้ผลลัพธ์ในการเพิ่มปริมาตรทันที แต่ไม่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเท่ากับ Radiesse
  4. ความยืดหยุ่นและการปรับแต่ง:

    • Radiesse: มีเนื้อสารที่เข้มข้นและแน่น ทำให้เหมาะสำหรับการเพิ่มปริมาตรในบริเวณที่ต้องการความคงทน เช่น แก้มและกราม
    • HA Filler: มีความยืดหยุ่นมากกว่า ทำให้เหมาะสำหรับการปรับแต่งบริเวณที่ต้องการความละเอียดอ่อน เช่น ริมฝีปากและใต้ตา
  5. ผลข้างเคียงและการสลายตัว:

    • Radiesse: อาจมีผลข้างเคียงจากการเกิดก้อนหรือการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนมากเกินไป ซึ่งสามารถเกิดขึ้นในบางกรณี
    • HA Filler: หากเกิดผลข้างเคียงสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อสลาย HA filler ที่ไม่ต้องการ

สรุป

ทั้ง Radiesse และ HA filler มีจุดเด่นและความแตกต่างกันในการใช้งาน Radiesse เหมาะสำหรับการสร้างปริมาตรในบริเวณที่ต้องการความคงทนและการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ในขณะที่ HA filler เหมาะสำหรับการปรับแต่งบริเวณที่ต้องการความละเอียดอ่อนและมีความยืดหยุ่นสูง ผู้ที่สนใจควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการและลักษณะผิวของตนเอง

โปรโมชั่นพิเศษ เพื่อผิวฟูอวบอิ่มและเนียนละเอียดใส (รับจำนวนจำกัด)

RADIESSE X PICOSURE

ฉีดโดย นพ.ภูริวัจน์ อริยกุศลสุทธิ (หมอบอล) MERZ Trainer แพทย์ผู้สอนฉีด 

👍 ราคาปกติ 36,000.-/กล่อง (1.5cc) 

📌 สาขาทองหล่อ (เฉพาะวันพุธ)
👍 เพียง 30,000.-/กล่อง
แถมฟรี! Picosure รีจูทั่วหน้า 2 ครั้ง (มูลค่า 30,000.-)
* เมื่อฉีด 3 กล่องในครั้งเดียว

📌 สาขาชิดลม
👍 เพียง 30,000.-/กล่อง 
* เมื่อฉีด 3 กล่องในครั้งเดียว

👍 สนใจเป็นเคสรีวิว? แถมฟรี Picosure รีจูทั่วหน้าให้อีก 1 ครั้ง! (เป็นแถมรวม 45,000.-) [รับบริการที่สาขาทองหล่อเท่านั้น]

*คลินิกสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาและเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

Share the Post:

บทความอื่น ๆ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
Scroll to Top