Radiesse vs Sculptra เปรียบเทียบชัดๆ ตัวท็อปกระตุ้นคอลลาเจน ฉีดตัวไหนดี

เมื่อพูดถึงตัวท็อปแห่งการรันวงการกระตุ้นคอลลาเจนคงต้องยกให้ Radiesse และ Sculptra ซึ่งเป็นระดับตำนานที่ไม่มีใครไม่รู้จัก ให้ได้ทั้งงานผิว งานยกกระชับ ไม่ว่าจะแก้ปัญหาใบหน้าที่มีผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยและร่องลึก ซึ่งการที่ผิวเกิดการหย่อนคล้อย ไม่เต่งตึงกระชับเหมือนสมัยก่อนนั้นก็มีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินลดลงตั้งแต่อายุ 20 ปี โดยสูญเสียคอลลาเจนลงไปประมาณ 1-2% ต่อปี และเมื่อยิ่งใกล้เข้าสู่วัยสูงอายุ คอลลาเจนก็จะหายไปถึง 1 ใน 3 ส่งผลให้ผิวมีความอ่อนแอ ไม่ยืดหยุ่น ผิวไม่กระชับจนเกิดเป็นริ้วรอยได้นั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือตีนกา ก็ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ดังนั้นจึงแนะนำวิธีแก้ปัญหานี้ด้วยการกระตุ้นคอลลาเจนด้วยสุดยอดนวัตกรรมระดับตัวท็อปอย่าง Radiesse และ Sculptra ดังนั้นเราจะมาเปรียบเทียบชัด ๆ ว่าการใช้นวัตกรรมนี้เหมือนกันหรือต่างกัน หรือใช้ตัวไหนก็ได้ วันนี้มีคำตอบรวบรวมไว้ในบทความนี้แล้วค่ะ

Sculptra คืออะไร ?

Seculptra เป็นสารเติมเต็มชนิด Biostimulator มีส่วนประกอบสำคัญคือ PLLA หรือ Poly-L-lactic acid เป็นสาร Polymer อย่างนึง เมื่อฉีดเข้าสู้ใต้ผิวหนังแล้วตัวยาจะค่อย ๆ ดูดซึมจนเกิดกระบวนการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน และยังสร้าง Collagen Type 1 ได้สูงมากกว่า 60% สามารถช่วยฟื้นฟูโครงสร้างใต้ชั้นลึกของผิว เพื่อยกกระชับ และลดริ้วรอยจะให้ความแน่น และคงรูปได้ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย 

Seculptra เป็นสารเติมเต็มชนิด Biostimulator มีส่วนประกอบสำคัญคือ PLLA หรือ Poly-L-lactic acid เป็นสาร Polymer อย่างนึง เมื่อฉีดเข้าสู้ใต้ผิวหนังแล้วตัวยาจะค่อย ๆ ดูดซึมจนเกิดกระบวนการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน

Radiesse คืออะไร ?

Radiesse เป็นนวัตกรรมสารเติมเต็มชนิด Biostimulator เช่นเดียวกับ Sculptra มีส่วนประกอบหลักคือ CaHA หรือ Calcium Hydroxylapatite ที่มีโครงสร้างโมเลกุลคล้ายกระดูก ทำหน้าที่ในการช่วยสร้างไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ใช้ฉีดกระตุ้นเพื่อฟื้นฟูการสร้างเส้นใยตาข่ายให้ผิวใหม่ (Regenerative Biostimulator) ช่วยให้ผิวเฟิร์มกระชับ มีความแน่นฟูขึ้น ให้ผลลัพธ์ได้ในระยะยาวมากกว่าหนึ่งปี โดยเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างสารคอลลาเจน และอีลาสติน เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายใน และทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ หลังฉีด

เรียกได้ว่า Radiesse เป็นสารเติมเต็มที่มีความปลอดภัยสูงมาก เนื่องจากเป็นนวัตกรรมที่รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลก และยังผ่านมาตรฐาน อย.อเมริกา (USFDA) อย. ยุโรป (EU FDA) และไทย (FDA) ถึง 3 ประเทศ

Radiesse เป็นสารเติมเต็มที่มีความปลอดภัยสูงมาก เนื่องจากเป็นนวัตกรรมที่รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลก

Sculptra & Radiesse ช่วยเรื่องอะไร

เนื่องจากอายุที่มากขึ้นทำให้ร่างกายมีการผลิตคอลลาเจนน้อยลง ดังนั้นจึงสามารถใช้นวัตกรรมนี้เพื่อเข้ามาแก้ไขได้ โดยสารเติมเต็มทั้ง Sculptra และ Radiesse ที่มีหน้าที่หลักคือช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่การการฉีดเพื่อทดแทนจึงทำให้ผิวมีความแข็งแรงได้จากภายใน ดังนี้

Radiesse ช่วยในเรื่อง

  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน 
  • ช่วยฟื้นฟูริ้วรอยร่องลึก  เสริมให้ใต้ผิวสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินได้มาก
  • ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำฉ่ำโกลว์ ดูแน่นฟูขึ้น กระชับขึ้น ลดปัญหาริ้วรอยร่องลึกตื้นขึ้น
  • ช่วยลดผิวหย่อนคล้อยให้เรียบตึงขึ้น
  • เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับ US-FDA สำหรับการใช้ฉีดที่มือ แก้ปัญหามือเหี่ยวย่น
  • มีคุณสมบัติช่วยปรับหน้าให้ได้งานผิว ไร้ริ้วรอย ผิวใสขึ้นอย่างแข็งแรง

 Sculptra ช่วยในเรื่อง

  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน 
  • ช่วยฟื้นฟูริ้วรอยร่องลึก เพิ่มความฟู ความเฟิร์มให้กับผิว
  • ช่วยให้ใบหน้ายกกระชับ รวมไปถึงร่องแก้ม ร่องมุมปาก และรูปหน้าที่ดีขึ้น
  • ช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ผิวเต่งตึงเรียบเนียนขึ้น
  • กำจัดเซลลูไลท์ส่วน เช่น ต้นแขน และสะโพก

ความแตกต่างระหว่าง Sculptra กับ Radiesse

สำหรับความแตกต่างระหว่าง Sculptra กับ Radiesse หลังทำก็สามารถแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์อย่างชัดเจนโดยมีความต่างกันตรงที่ Sculptra ที่มีส่วนประกอบสำคัญคือ PLLA สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ผ่านเม็ดเลือดขาว เพื่อสร้าง Fibroblast โดยใช้กลไล Inflammation ที่มาในรูปแบบผง ต้องใช้การผสมกับ NSS ให้ตัวยาละลายก่อนใช้งาน โดยสามารถทำให้ผิวแน่นยืดหยุ่น ผิวหน้ากระชับขึ้น แต่ยังต้องฉีดในปริมาณ จำนวนครั้งที่มากกว่า Radiesse จึงจะเกิดการยกพยุงขึ้น

ส่วนการใช้ Radiesse มีส่วนประกอบสำคัญคือ  CaHA ที่เข้าไปฟื้นฟูการทำงานของ Fibroblast โดยตรงผ่านกลไก Direct to Fibroblast โดย Radiesse เสมือนการฉีดกระดูกให้กับใบหน้า ที่มาในรูปแบบตัวยาในเข็มพร้อมใช้งานทันที สามารถเข้าไปเติมเต็มบริเวณที่ฉีดได้ทันทีคล้ายคลึงกับฟิลเลอร์ ช่วยกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนเป็นโครงสร้างบริเวณที่ฉีด โดยไม่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ นิยมฉีดบริเวณร่องแก้ม ร่องมุมปาก กรอบหน้า มือ โดยใช้เพียงแค่ปริมาณ 1.5cc ก็สามารถกระจายได้เป็นวงกว้าง แต่ต้องขึ้นอยู่กับเทคนิคในการฉีดของแพทย์ 

สำหรับความแตกต่างระหว่าง Sculptra กับ Radiesse หลังทำก็สามารถแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์อย่างชัดเจน

Sculptra กับ Radiesse ฉีดร่วมกันได้ไหม

       สารเติมเต็มทั้ง Sculptra และ Radiesse ร่วมกันได้ แต่จำเป็นต้องฉีดในบริเวณจุดที่ต่างกัน โดยสามารถฉีดร่วมกันในครั้งเดียวกันได้ โดยสามารถเริ่มฉีดจาก Radiesse หรือ Sculptra ก่อนก็ได้ และหลังจากนั้นจึงจะเริ่มใช้ยาตัวต่อไป โดยการฉีดทุกครั้งต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น

หากต้องการฉีดจุดเดียวกันควรจะต้องเริ่มฉีดตัวแรก เพียงแค่ตัวเดียวก่อน และรออย่างน้อย 1-3 เดือนขึ้นไปจึงจะฉีดตัวถัดไป เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงจากยา 

Sculptra และ Radiesse ฉีดกี่วันเห็นผล อยู่ได้นานไหม?

การฉีด Sculptra และ Radiesse มีระยะเวลาที่เห็นผลลัพธ์ และการคงสภาพใกล้เคียงกัน ดังนี้

  • การฉีด Sculptra 

การฉีด Sculptra สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ใน 2-3 สัปดาห์หลังฉีด และเริ่มชัดเจนที่สุดในช่วงเดือนที่ 3 หลังฉีด โดยอาจต้องฉีดซ้ำ 2-3 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี 

  • การฉีด Radiesse 

การฉีด Radiesse สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด และจะเริ่มเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดในช่วง 3-6 เดือนหลังฉีด โดยผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ยาวนานถึง 2 ปี 

บริเวณที่ฉีดได้ตามโปรโตคอลประเทศไทย

การฉีดสารเติมเต็ม Biostimulator อย่าง Radiesse และ Sculptra แต่ละตำแหน่งขึ้นอยู่กับวิจารณญาณการประเมินของแพทย์ และขึ้นอยู่กับปัญหาผิวแต่ละบุคคล เนื่องจากในการฉีดบางตำแหน่งยังไม่ได้จัดอยู่ใน Standard protocol ดังนั้นในการฉีดเพื่อแก้ปัญหาแต่ละตำแหน่งควรพบแพทย์เพื่อประเมินปัญหารูปหน้าก่อนทำหัตถการทุกครั้ง

หากยึดตามโปรโตคอลประเทศไทยการฉีด  Radiesse มีตำแหน่งฉีด ดังนี้

  1. ฉีดได้ทั่วบริเวณใบหน้า 
  2. ร่องแก้ม 
  3. ใต้คาง 
  4. ฉีดมือ ให้ผิวมีความเรียบดึงขึ้น โดยผ่าน USFDA Indication ในการรับรอง

ในขณะที่การฉีด Sculptra ตามโปรโตคอลประเทศไทยมีดังนี้

  1. บริเวณแก้มตอบ 
  2. ขมับ 
  3. หน้าแก้ม 
  4. กรอบหน้า 

Sculptra และ Radiesse สามารถฉีดได้ทั่วใบหน้า

Sculptra กับ Radiesse ปลอดภัยหรือไม่

การฉีด Sculptra และ Radiesse ถือเป็นนวัตกรรมสารเติมเต็มที่เข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากธรรมชาติ แต่ต้องเป็นตัวยาแท้ ที่ผ่านการรับรองถูกต้องเท่านั้น จึงจะสามารถย่อยสลายไปตามธรรมชาติเองได้หมด (Biodegradable sustain) ทำให้หมดกังวลเรื่องสารตกค้างในร่างกาย 

สิ่งสำคัญในการทำหัตถการอย่างปลอดภัยที่สุด และสวยงามที่สุด นอกจากต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีความรู้แล้ว แพทย์ยังต้องมีเทคนิคการฉีด ให้ได้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามที่สุดอีกด้วยจึงจะคุ้มค่าที่สุด

ผลข้างเคียงระหว่าง Sculptra กับ Radiesse

ผลข้างเคียงระหว่าง Sculptra กับ Radiesse เป็นสิ่งที่ต้องทราบก่อนการฉีดหรือทำหัตการทุกรูปแบบ โดยการฉีดนี้ เป็นการทำหัตถการที่ไม่ซับซ้อน มีผลข้างเคียงน้อยมาก ซึ่งสิ่งที่จะสามารถพบได้หลังทำการฉีดคือ รอยเขียวช้ำเนื่องจากต้องมีการใช้เข็มแทงเข้าใต้ผิวหนังเพื่อส่งผ่านยาผ่านหัวเข็ม จึงอาจเกิดรอยช้ำได้บ้างเล็กน้อยหรือการเกิดตุ่มนูนเล็ก ๆ โดยไม่เป็นอันตราย และสามารถหายเองได้ภายใน 1-2สัปดาห์หลังทำ

ทั้งนี้อาการเขียวช้ำนี้ก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีดของแพทย์ ดังนั้นจึงควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงนี้

ตารางสรุป Sculptra VS Radiesse

คุณสมบัติ Sculptra Radiesse
ส่วนประกอบหลัก PLLA หรือ Poly-L-lactic acid  เป็นสาร Polymer อย่างนึง CaHA หรือ Calcium Hydroxylapatite ที่มีโครงสร้างคล้ายกระดูก 
บริเวณที่ฉีดตามโปรโตคอล บริเวณแก้มตอบ 

ขมับ 

หน้าแก้ม 

กรอบหน้า

ฉีดได้ทั่วบริเวณใบหน้า

ร่องแก้ม

ใต้คาง

มือ

ช่วยแก้ไขปัญหา ริ้วรอยร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย ผิวหมองคล้ำ ผิวแห้งขาดน้ำ ริ้วรอยร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด บริเวณที่ซูบเนื้อไม่เต็มให้อิ่มฟูขึ้น
กลไกการทำงาน กระตุ้นการสร้าง Fibroblast ผ่าน เม็ดเลือดขาว จึงจะกระตุ้นคอลลาเจน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนผ่าน Fibroblast โดยตรงไม่ต้องผ่านตัวกลาง
ระยะเวลาเห็นลัพธ์  เห็นผลลัพธ์ได้ใน 2-3 สัปดาห์หลังฉีด เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด
ระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์ ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนาน 2 ปี ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนาน 2 ปี

รีวิวฉีด Radiesse

หลายท่านที่กำลังลังเลหรือแม้แต่ท่านที่ได้คำตอบแล้วว่าควรฉีดตัวไหนดี แนะนำให้เลือกคลินิกที่มีตัวยาทั้ง Sculptra และ Radiesse ครบทั้ง 2 ชนิด โดยคลินิก The Signature ของเรามีให้ตัดใจเลือกครบทั้งสองชนิด มีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการฉีด พร้อมด้วยเครื่องมือครบครัน สามารถประเมิน ให้คำปรึกษาได้อย่างตรงจุดว่าเหมาะกับสารเติมเต็มชนิดไหนเหมาะสมที่สุด และตรงจุดที่สุดในระยะยาว เอาใจใส่ในเคสต่อเคสอย่างดี เพื่อให้ผลลัพธ์ที่สวยงามที่สุด น่าพึงพอใจที่สุด คุ้มค่าที่สุด 

Share the Post:

บทความอื่น ๆ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
Scroll to Top