เมื่อก้าวเข้าสู่อายุ 30 ร่างกายเริ่มมีการสูญเสียคอลลาเจนลงไปประมาณปีละ 1-2% และด้วยการผลิตคอลลาเจนที่ลดลงนี้ ส่งผลให้เจอกับปัญหาใบหน้าหน้าดูตอบ หน้าดูโทรม ไม่เรียบ กรอบหน้าไม่ชัด ไม่เต่งตึงเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องรู้จักกับนวัตกรรมที่ช่วยให้ผิวสวย เต่งตึง ผิวดูอิ่มฟูคอลลาเจนด้วย Radiesse ที่เข้ามาช่วยสร้างเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ ฟื้นฟูให้โครงสร้างผิวแข็งแรง ดังนั้นเราจะพามาเจาะลึก Radiesse เปรียบเทียบ Radiesse VS HA Filler ต่างจากฟิลเลอร์อย่างไรในบทความนี้กันครับ
Radiesse VS HA Filler ฉีดตัวไหน เหมาะกับใคร ควรรู้อะไรก่อนฉีด
นวัตกรรมฟื้นฟูผิวอย่าง Radiesse และ HA Filler ต่างก็จัดอยู่ในหมวดสารเติมเต็ม Filler ด้วยกันทั้งคู่ แต่ตัว Radiesse จะมีความพิเศษกว่าตรงที่ไม่ได้มีไฮยาลูรอนเป็นส่วนประกอบหลัก แต่จะมีส่วนประกอบหลักคือ CaHA หรือ Calcium Hydroxylapatite ซึ่งเป็นสารที่คิดค้นและวิจัยโดย Merz Aesthetics ซึ่งเป็น 1 ในบริษัทความงามชื่อดังของโลกที่ได้รับความไว้วางใจในหลายประเทศทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 2006 มียอดการใช้กว่า 15 ล้านไซริงค์ จาก 85 แห่งทั่วโลก และ Radiesse ยังเป็นสารเติมเต็ม CaHA รายแรกและรายเดียวของโลกที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) , ยุโรป (EU FDA) และไทย (Thai FDA) รวมถึงผ่าน อย.ในด้านการฉีดมือโดยเฉพาะ
Radiesse คืออะไร? มีกี่ประเภท
Radiesse คือ นวัตกรรมสารฉีดกระตุ้นผิว Biostimulator สร้างเส้นใยตาข่ายให้ผิวใหม่ โดยกระตุ้นเซลล์ให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว มีส่วนประกอบหลักคือ CaHA หรือ Calcium Hydroxylapatite มาจากโครงสร้างโมเลกุลคล้ายกระดูก ช่วยสร้างไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้เกิดการสร้าง Collagen เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผิว เติมเต็มร่องลึก
ปัจจุบัน Radiesse มีการผลิตออกมามีทั้งหมด 2 รุ่น โดยต่างกันที่ Radiesse Filler เป็นรุ่นที่ไม่มียาชา ส่วน Radiesse Filler + จะมีส่วนผสมของยาชา เพื่อลดความเจ็บขณะฉีด โดยสามารถใช้ควบคู่กันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้ครับ
- Radiesse Filler มีความโดดเด่นด้านการฟื้นฟูริ้วรอยร่องลึกช่วยเสริมให้ใต้ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทั้งยังลดปัญหาด้านการสูญเสียไขมันบนใบหน้า สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับไขมันนิยมใช้ฉีดบริเวณรอยพับ ร่องลึก มือ หรือเนินอก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นทำให้ผิวมีความควบแน่น และหนามากขึ้นได้
- Radiesse Filler + ใช้เก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้าที่ต้องการความละเอียดที่มากกว่า อีกทั้งยังถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการบาดเจ็บใต้ผิวหนังจึงมีส่วนผสมของ Lidocainne หรือยาชาในตัว เพื่อบรรเทาอาการเจ็บเมื่อฉีดเข้าสู่ผิว
โปรแกรม Radiesse Filler จัดเป็น ฟิลเลอร์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ได้ถึง 5 ประการ
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 ได้ถึง 150% ช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้เฟิร์ม กระชับแข็งแรง
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 3 ได้ถึง 130% ช่วยเสริมประสิทธิภาพทำให้โครงสร้างผิวแต่งตึง แข็งแรงร่วมกับชนิดที่ 1
- กระตุ้นการสร้างอิลาสตินได้ถึง 260% ส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่น นุ่มเด้ง
- กระตุ้นการสร้างหลอดเลือดเล็ก ทำให้มีสารอาหารหล่อเลี้ยงผิวเพิ่มขึ้น หรือเรียกว่า กระบวนการ Angiogenesis กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตเพื่อผิวสุขภาพดี
- กระตุ้นการสร้างสารน้ำหล่อเลี้ยงผิว Proteoglycan ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เต่งตึง
นอกจากนี้หลังการฉีด RADIESSE เข้าสู่ชั้นผิวยังจะได้ผลลัพธ์ที่สามารถพบเจอได้ทันทีและยาวนานกว่าที่เคยตาม Concept เฉพาะตัวที่ว่า “ผิว YOUNG ดี ดู HEALTHY ได้กว่านี้ไปอีกนาน”
- Healthier ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี ผิวเฟิร์ม แข็งแรง แน่นกระชับยิ่งขึ้น โดยทำให้ผิวเปล่งประกายตั้งแต่ชั้นในสุดออกมายังผิวชั้นนอก
- Younger ช่วยให้ผิวแลดูเรียบเนียน ริ้วรอยลดลงพร้อมเติมเต็มผิวหนังที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง
- Longer ช่วยยืดอายุของผิวให้ดูเด็กลงได้ยาวนานขึ้น และช่วยให้เซลล์ต้นกำเนิดใต้ชั้นผิวทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยไม่เป็นอันตราย
Radiesse เหมาะกับใคร
Radiesse เหมาะกับคนที่มีอายุ 30 – 55 ปี หรือมีปัญหาด้านผิวพรรณ
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูให้โครงสร้างผิวแข็งแรง
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหน้าแก่กว่าวัย ให้กลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้ผิว ผิวดูอิ่มฟู
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวแห้งกร้าน
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการรูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
HA Filler คืออะไร?
HA Filler เป็นสารเติมเต็มกลุ่ม Biostimulator เช่นเดียวกับ Radiesse แต่ HA Filler ผลิตจาก Hyaluronic Acid หรือ HA ที่เป็นสารที่สร้างจากการเลียนแบบสารตามธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายของเรา มาใช้ทดแทนจึงไม่ทําให้เกิดการแพ้ และสามารถสลายไปเองตามธรรมชาติ โดยทำหน้าที่ตัวพยุงและเติมเต็มความชุ่มชื้นชั้นแนวกระดูก เต่งตึง อิ่มน้ำขึ้น
เทียบ Radiesse VS HA Filler ผลลัพธ์ที่ได้ต่างกันไหม ?
นวัตกรรมสารเติมเต็มทั้ง Radiesse และ HA Filler สามารถใช้เพื่อจุดประสงค์ของการเติมเต็ม หรือกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวก็ได้ โดย Radiesse จะกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินให้แก่ผิว สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด และคงผลลัพธ์ได้นานมากกว่าประมาณ 1-2 ปี โดยช่วยให้ได้งานผิวที่ฉ่ำโกลว์
ในขณะเดียวกัน HA Filler ที่เป็นสารเติมเต็มยอดฮิตนั้นก็สามารถกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินให้แก่ผิวได้เช่นกัน แต่จะเห็นผลลัพธ์ได้ 2 สัปดาห์หลังฉีด โดย HA Filler จะอยู่ได้นาน 6 เดือน – 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวของแต่ละบุคคล และถึงแม้ว่า Filler อย่าง Juvederm และ Restylane ที่สามารถให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน แต่หากเทียบกันในระยะยาวและการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง Radiesse ยังทำได้ดีกว่าทำให้สามารถอยู่ได้นานกว่าและสิ่งที่ได้มาเพิ่มเติมคือคุณภาพผิว มีความยืดหยุ่น เฟิร์มกระชับมากกว่า
เทียบ Radiesse VS HA Filler ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?
Radiesse เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ใช้ในการกระตุ้นผิวให้แข็งแรง สดใส อิ่มฟูขึ้น สามารถทำได้หลายตำแหน่ง โดยมีตำแหน่งที่เหมาะกับการฉีดดังนี้
- ร่องแก้มลึก ร่องน้ำหมาก ร่องคาง
- หลุมสิว
- ฉีดทั่วใบหน้า เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน
- รอยเหี่ยวย่นบริเวณคอ หรือเนินอก
- กรอบหน้า เพื่อปรับรูปหน้าให้กระชับ ใบหน้าคมขึ้น
- ริมฝีปากบน เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย
- มือ เนื่องจาก Radiesse ได้รับ US-FDA สำหรับการใช้ฉีดที่มือ
บริเวณที่ HA Filler สามารถฉีดได้คือ
- ร่องแก้มลึก หรือร่องน้ำหมาก
- หน้าผาก
- รอยมุมปาก
- ริมฝีปาก เพื่อให้ดูอวบอิ่ม
- ใต้ตา เพื่อเติมเต็ม และลดรอยคล้ำใต้ตา
Radiesse VS HA Filler เหมาะกับใคร
Radiesse เหมาะกับใครบ้าง ?
- เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นวัยที่เริ่มมีการสูญเสียคอลลาเจนลดลง
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยร่องลึกด้วยการเติมเต็ม
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้เปล่งปลั่ง อ่อนเยาว์อีกครั้ง
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับโครงหน้าให้ชัดขึ้น
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวอิ่มฟู กระชับ
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหามือเหี่ยวย่น
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำหัตถการที่มีความปลอดภัย เนื่องจาก Radiesse ได้รับรองจากมาตรฐานจาก 3 ประเทศ คือ USFDA, EU FDA , FDA
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำหัตถการที่คงผลลัพธ์อยู่ได้นาน
HA Filler เหมาะกับใครบ้าง ?
- เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอยตื้นบนใบหน้า
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวอวบอิ่มดูสุขภาพดี
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาใต้ตามีรอยคล้ำใต้ตา ใต้ตาลึก
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม
เทียบราคา Radiesse VS HA Filler ตัวไหนคุ้มกว่ากัน
ราคาทั่วไปของ Radiesse จะอยู่ที่ประมาณ 36,000 บาท และราคาของ HA Filler อยู่ที่ประมาณ 10,000-30,000 บาท
หากต้องการเทียบราคาแน่นอนว่า HA Filler มีราคาที่ถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่หากเทียบความคุ้มค่า Radiesse จะให้ได้มากกว่าเนื่องจาก Radiesse สามารถอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี แต่ในทางกลับกัน HA Filler จะสามารถอยู่ได้เพียงแค่ 6-12 เดือนเท่านั้น ทำให้ต้องเสียเงินเติมซ้ำ นำไปสู่ราคาที่แพงกว่า
ข้อควรระวังในการใช้โปรแกรม Radiesse Filler
โปรแกรม Radiesse เป็นหัตถการที่ไม่มีความซับซ้อน มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่จำเป็นต้องใช้เทคนิคเฉพาะตัวในการฉีดให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดี ต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญการในการฉีดเป็นอย่างดี และที่สำคัญเพื่อความปลอดภัย ต้องใช้ตัวยา Radiesse ของแท้ได้มาตรฐาน 100 % เนื่องจากเป็นสารประกอบหลักคือ CaHA ที่สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ
ฉีด Radiesse กับ HA Filler ที่ The Signature ดีกว่าอย่างไร
The Signature ของเราเป็นคลีนิกที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน มีเครื่องมือทันสมัยครบครัน พร้อมทั้งทีมแพทย์ผู้ชำนาญการเกี่ยวกับตัวยาทั้ง Radiesse กับ HA Filler เป็นอย่างดี ด้วยเทคนิคการฉีดที่แตกต่างจากที่อื่นทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามมากกว่า ทีมแพทย์ทุกคนพร้อมให้บริการ ดูแล ให้คำปรึกษาตั้งแต่ก่อนทำจนถึงหลังทำ และผลลัพธ์อย่างสวยงามที่สุด รับฟังปัญหาของลูกค้าเป็นอันดับแรกเพื่อความประทับใจของผู้รับบริการตั้งแต่ครั้งแรก
และหมอบอล (นพ.ภูริวัจน์) ยังได้ถูกรับเชิญไปเป็นวิทยากรผ่าน Merz Aesthetics Thailand ในฐานะ MERZ KOL (Radiesse Program Trainer) ให้เทรนแพทย์ในเครือเรื่องเทคนิคการฉีด Radiesse Plus ได้อย่างปลอดภัย ได้ผลดี เป็นการส่งเสริมและพัฒนาแพทย์ความงามของประเทศให้มีความเชี่ยวชาญในการฉีดเพื่อให้คนไข้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยมากที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Radiesse VS HA Filler (FAQ)
- Radiesse ฉีดแล้วไม่ต้องเสียเงินซ้ำบ่อยจริงหรือไม่ ?
- เป็นเรื่องจริงครับ เนื่องจาก Radiesse สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 1-2 ปี ถึงไม่มีความจำเป็นต้องเติมซ้ำบ่อย ๆ
- Radiesse สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหรือไม่ ?
- การฉีดสารเติมเต็มอย่าง Radiesse สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด และผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้น 1-4 สัปดาห์หลังฉีด และชัดเจนที่สุดในช่วง 6-24 เดือนหลังฉีดจะเห็นผลลัพธ์อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- Radiesse และ HA Filler หากต้องการแก้ไข อะไรแก้ไขได้ง่ายกว่ากัน ?
- หากต้องการแก้ไข จะสามารถ HA Filler ได้ง่ายกว่า เนื่องจากสามารถฉีดเร่งสลายได้
หากยังกำลังลังเลว่าควรฉีดตัวไหนดีถึงจะเหมาะ และตอบโจทย์ที่สุด สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ The Signature ของเราก่อนได้ตลอดเวลา เนื่องจากคลีนิกเรามีครบครันทั้งตัว Radiesse และ HA Filler เพื่อรองรับผู้รับบริการทุกท่าน พร้อมด้วยเครื่องมือทันสมัย ดูแลการทำหัตการโดยแพทยืเพื่อความปลอดภัย ได้มาตรฐาน และพร้อมรับฟังปัญหาของลูกค้าเป็นอันดับแรก และด้วยเทคนิคการฉีดจากแพทย์ทำให้แก้ปัญหาที่ตรงจุด เพื่อความประทับใจของทุกท่าน