นพ.ภูริวัจน์ อริยกุศลสุทธิ (หมอบอล) เป็น 1 ใน 20 Radiesse Trainer ของ Merz และ The Signature Clinic เป็น 1 ใน 100 คลินิกแรกของเมืองไทยที่ให้บริการ Radiesse ศาสตร์แห่งการฟื้นฟูผิวตัวล่าสุด คนไข้จึงมั่นใจได้ถึงผลลัพธ์ที่ดีและการรักษาที่ปลอดภัย โดยการ #ฉีดRadiesse จะเหมาะกับผู้มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามวัย
โปรโมชั่นพิเศษ เพื่อผิวฟูอวบอิ่มและเนียนละเอียดใส (รับจำนวนจำกัด)
RADIESSE X PICOSURE
ฉีดโดย นพ.ภูริวัจน์ อริยกุศลสุทธิ (หมอบอล) MERZ Trainer แพทย์ผู้สอนฉีด
ราคาปกติ 36,000.-/กล่อง (1.5cc)
ดีลพิเศษ! สาขาทองหล่อ (เฉพาะวันพุธ)
เพียง 30,000.-/กล่อง
แถมฟรี! Picosure รีจูทั่วหน้า 2 ครั้ง (มูลค่า 30,000.-)
* เมื่อฉีด 3 กล่องในครั้งเดียว
สาขาชิดลม
เพียง 30,000.-/กล่อง
* เมื่อฉีด 3 กล่องในครั้งเดียว
สนใจเป็นเคสรีวิว? แถมฟรี Picosure รีจูทั่วหน้าให้อีก 1 ครั้ง! (เป็นแถมรวม 45,000.-) [รับบริการที่สาขาทองหล่อเท่านั้น]
*คลินิกสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาและเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
โปรแกรมการฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) คืออะไร?
โปรแกรม Radiesse Filler (เรเดียสซ์ ฟิลเลอร์) คือนวัตกรรมใหม่ของฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของ CaHA ที่เป็น Biostimulator สำหรับการกระตุ้นการสร้างใหม่ของคอลลาเจน ที่ช่วยฟื้นฟู เติมเต็ม และลดเลือนริ้วรอยได้ในการฉีดครั้งเดียว โดยผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปี
Radiesse (เรเดียสซ์) คือ สารกระตุ้นคอลลาเจนประเภท CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นกระบวนการให้เซลล์เกิดการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวด้วยตนเองตามธรรมชาติ พร้อมกับเป็นการเติมวอลุ่มไปด้วยในการฉีดครั้งเดียวกัน โดยผลลัพธ์ที่ได้ในแง่ของการเติมเต็ม คือเห็นผลทันทีไม่ต่างกับการฉีดฟิลเลอร์ และที่สำคัญ เนื่องจากแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์ (CaHA) นั้น เป็นส่วนประกอบหนึ่งของเนื้อเยื่อกระดูกที่ร่างกายผลิตตามธรรมชาติได้อยู่แล้ว จึงเป็นสารที่เข้ากันกับร่างกายได้เป็นอย่างดี และมีการซึมซับได้ง่ายด้วย โดยที่ CaHA สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ มีการรับรองความปลอดภัยโดย USFDA, EUFDA และ THFDA
โปรแกรม Radiesse ถูกนำมาใช้รักษาฟื้นฟูผิวมาแล้วโดยแพทย์ทั่วโลกกว่า 20 ปี ออกฤทธิ์โดยการที่อนุภาคของ CaHA ใน Radiesse จะสร้างเป็นโครงตาข่ายสามมิติ (3D Matrix) ในชั้นผิวหนังแท้ และกระตุ้น Fibroblast ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดคอลลาเจนให้ทำงานและเกิดเป็นเส้นใยโครงสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา โดยร่างกายจะใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ ในการเพิ่มจำนวนขึ้น และเป็นไปอย่างต่อเนื่องอีกประมาณ 1 ปี จึงส่งผลให้การฟื้นฟูผิวในแง่ของริ้วรอย ความกระชับ และร่องลึกต่างๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ในระยะยาว โดยผลลัพธ์อาจมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคล

โปรแกรม Radiesse Biostimulator Filler ถือว่าเป็นการฉีดฟิลเลอร์กระตุ้นการฟื้นฟูโครงสร้างตาข่ายใต้ผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ 5 ประการ คือ
- ช่วยเพิ่ม Collagen type 1 ได้ 150% ทำให้ผิวกระชับ
- ช่วยเพิ่ม Collagen type 3 ได้ 130% เพิ่มประสิทธิภาพในการเรียงตัวของ Collagen type 1
- ช่วยเพิ่ม อิลาสติน (Elastin) ได้ 260% ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ช่วยลดริ้วรอย
- ช่วยเพิ่ม Proteoglycan ที่เป็นสารน้ำหล่อเลี้ยงผิว เพิ่มความชุ่มชื้นผิว ให้ผิวดูเต่งตึง
- ช่วยเพิ่ม Angiogenesis ซึ่งเป็นสารอาหารหล่อเลี้ยงผิว กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวมีสุขภาพดี
บริเวณที่สามารถใช้โปรแกรม Radiesse Filler ในการรักษาได้
- ปัญหาริ้วรอย ทั้งร่องลึกและร่องตื้น บริเวณใบหน้า
- ปัญหารูปหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
- ปัญหารอยแผลเป็น แผลเป็นสิว หลุมสิว ร่องสิว
- ปัญหาร่องแก้มลึก ร่องน้ำหมากลึก
- ปัญหาริ้วรอยและความเหี่ยวย่นบริเวณเหนือริมฝีปาก
- ปัญหาหลังมือเหี่ยวย่น
- ปัญหาความเหี่ยวย่นบริเวณคอ
- ปัญหาความหี่ยวย่นและหย่อนคล้อยบริเวณเนินอกคุณผู้หญิง
โปรแกรม Radiesse Filler เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปี ขึ้นไป ทั้งชายและหญิง
- ผู้ที่ใบหน้ามีความไม่กระชับ มีความหย่อนคล้อย ที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจน และ อีลาสติน
- ผู้ที่สุขภาพผิวไม่ดี ไม่ค่อยได้รับการบำรุง
- ผู้ที่มีร่องลึกตามบริเวณต่างๆ บนใบหน้า
- ผู้ที่มีปัญหาความเหี่ยวย่นบริเวณลำคอ เนินอก และ หลังมือ
ใครที่ไม่เหมาะกับการฉีดโปรแกรม Radiesse Filler?
- ผู้ที่เป็นโรคเลือดออกง่าย
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ Radiesse และสาร CaHA
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีประวัติการแพ้อย่างรุนแรง
ข้อควรระวังในการฉีดโปรแกรม Radiesse Filler
- ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่ฉีด เป็นสิว หรือเป็นแผลควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฉีดโปรแกรม Radiesse
- หากต้องการฉีดโปรแกรม Radiesse บริเวณรอบริมฝีปากและบริเวณรอบดวงตาควรปรึกษาแพทย์ตามความเหมาะสมและควรใช้บริการแพทย์ที่มีฝีมือในการทำการฉีด
- หากผู้เข้ารับบริการมีความจำเป็นต้องทำ X-rays หรือ CT Scans ควรแจ้งแพทย์ที่ทำการดูแลว่าได้รับการบริการโปรแกรม Radiesse มา
- หากมีประวัติของโรคเริมควรแจ้งแพทย์ผู้เกี่ยวข้องการทำการฉีดโปรแกรม Radiesse
- หากผู้เข้ารับบริการกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือยาจำพวกก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด อาทิ แอสไพริน วาร์ฟาริน อาจทำให้เกิดอาการเลือดออก หรือรอยช้ำหลังทำการฉีดโปรแกรม Radiesse ได้ควรรับแจ้งแพทย์ให้ทราบ
- หากมีประวัติเกิดแผลคีลอยด์ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเช่นกัน
ผลข้างเคียงหลังทำการฉีด Radiesse Filler
- อาจมีรอยแดงหรือรอยเขียวช้ำเกิดขึ้นได้ชั่วคราวซึ่งอาการเหล่านี้สามารถหายได้เอง
- อาจมีอาการคันบริเวณที่ฉีดได้ โดยอาการคันดังกล่าวสามารถหายได้เอง
- อาจมีอาการปวดบริเวณรอยเข็ม ห้ามไปจับหรือเกาเนื่องจากรูเข็มยังปิดไม่สนิทอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ
- อาจมีการเปลี่ยนสีเช่นผิวซีดลงในบริเวณที่ทำการรักษาหากเกิดกรณีนี้ให้ปรึกษาแพทย์ในทันที