Pico laser หรือ Picosecond laser แบ่งเป็นความยาวคลื่น 2 ประเภท
คือ 755nm และ 1064nm ซึ่ง Pico ทั้งสองประเภทนี้ก็จะมีความเก่งไม่เหมือนกัน
โดย Pico laser รักษาฝ้า กระ ประเภท 755nm เหมาะกับการจัดการปัญหาสีผิวที่เกิดจากเมลานิน เช่น รอยดำสิว ปาน ฝ้า กระ ไฝ เพราะเลเซอร์ใน wavelength (ความยาวคลื่น) 755nm จะจับเฉพาะสีดำ และแทบไม่จับสีแดง เพราะเมื่อยิงเข้าไปในผิวแล้ว ฝ้า กระ และเม็ดสีจะถูกทำให้ระเบิดไปโดยที่ไม่ไปจับเส้นเลือด (สีแดง) ซึ่งการใช้ 1064nm ในการกำจัดเม็ดสีนั้น ความสามารถในการจับสีดำของ 1064nm นั้นต่ำกว่า 755nm ประมาณ 3 เท่า (ดูตารางด้านล่าง) ซึ่งหมายความว่า พลังงานที่ใช้ยิงเพื่อให้ได้ผลเท่ากับ 755nm ก็ต้องสูงขึ้นอย่างน้อย 3 เท่า ซึ่งก็จะทำให้ระดับการจับเส้นเลือดมากขึ้นเป็นเงาตามตัว และนั่นก็คือเหตุผลว่าทำไมหลังทำ Pico แบบ 1064nm แล้วหน้าจะต้องเลือดสาด เพราะแพทย์จะต้องใส่พลังงานระดับนั้นเข้าไปทั่วหน้า เส้นเลือดจะถูกทำให้เกิดบาดแผลเป็นจุดเลือดออกจำนวนมากนั่นเอง แต่หลังทำด้วย 755nm ผิวหน้าจะเกิดผลข้างเคียงเพียงเกิดผิวแดงระเรื่อๆ อมชมพูไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง ไมทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้ให้กวนใจ
ส่วน Pico laser 1064nm เหมาะกับการจัดการเรื่องประเภทหลุมสิว ผิวหน้าขรุขระมากกว่า 755nm ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือ อำนาจการทะลุทะลวงของ 1064nm ที่จะไปจัดการกับหลุมสิวมีมากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นในการรักษาปัญหาพวกหลุมบนหน้า และการที่เลือดจะสาดเพื่อการรักษาหลุมนั้นก็เป็นเรื่องปกติ แต่แน่นอน เมื่อไหร่ก็ตามที่ผิวหนังมีบาดแผล โอกาสของการเกิดแผลเป็นหรือรอยดำก็มีมากขึ้น แต่ด้วยความที่ Pico laser เป็นเทคโนโลยีที่ทำงานโดยไม่เกิดความร้อนในผิว ก็เป็นการลดโอกาสในการเกิดรอยดำ