โปรแกรม Linear Lift by Ultracel Q+ คืออะไร?
Ultracel Q+ เป็นเทคโนโลยี Linear Lift ยกกระชับผิวและลดไขมันบริเวณใบหน้าและลำคอด้วยนวัตกรรมที่พลังงานถูกปล่อยออกมาได้ทั้งเป็นแถบ (Linear) และเป็นจุด (Dot) (ต่างจากพลังงานที่ปล่อยออกมาเป็นจุดๆ เหมือน ultherapy และ HIFU ชนิดอื่นๆ ทั่วไป) โดยโปรแกรม Linear Lift สามารถสลายไขมันและยกกระชับผิวได้ในการทำครั้งเดียว ช่วยแก้ปัญหาได้ในผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย เช่น แก้มย้อยห้อย หางตาหย่อน คิ้วตก หรือแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่ผิวที่ไม่ได้มีปัญหาหย่อนคล้อยมาก แต่มีชั้นไขมันใต้ผิวเยอะจนมีเหนียงชัดหรือใบหน้าดูไม่เรียวอย่างที่ต้องการ
โปรแกรม Linear Lift by Ultracel Q+ เป็นเทคโนโลยีล่าสุดในกลุ่มของ Ultrasound ความถี่สูง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับโปรแกรมประเภท Ultherapy Ultraformer หรือ Sofwave ที่ใช้หลักการการใช้คลื่นอัลตร้าซาวน์ความเข้มข้นสูงที่ถูกยิงเข้าไปในผิวชั้นต่างๆ เช่น SMAS ทำให้เกิดการหดตัวขึ้น กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมา เป็นการยกกระชับผิวได้ดีโดยไม่ต้องผ่าตัด
ข้อดีของโปรแกรม Linear Lift คืออะไร?
- เป็นเทคโนโลยีที่มีหัวยิง (Cartridges) ให้เลือกใช้จำนวนมากเพื่อความเหมาะสมในการแก้ปัญหาที่ต่างกัน เพราะแต่ละหัวจะลงลึกไม่เท่ากัน ทำให้แพทย์สามารถทำการรักษาได้แม่นยำและปลอดภัยกว่า
- Linear Lift เป็นเทคโนโลยีหนึ่งเดียวในโลกที่สามารถเลือกปล่อยพลังงานได้ 2 แบบ คือ แบบ Linear (เป็นแถบ) และ แบบ Dot (แบบจุด)
- การปล่อยพลังงานแบบ Linear คือ แบบเส้นตรงเป็นแถบ จะมีคุณสมบัติช่วยสลายไขมันตามบริเวณที่ต้องการได้ดีมากพร้อมกับการยกกระชับ เช่น บริเวณแก้ม เหนียง และ คอ
- Linear Lift เป็นเทคโนโลยีที่ปล่อยพลังงานได้เร็วมาก ต่างกับเครื่องประเภทอื่นที่จะต้องใช้เวลา 60 นาทีในการทำ Linear Lift by Ultracel Q+ จะใช้เวลาเพียง 30 นาทีสำหรับยิงทั่วหน้าและคอ
- Linear Lift by Ultracel Q+ ถูกพัฒนาให้ผู้รับบริการแทบไม่มีความรู้สึกเจ็บขณะรับบริการ อาจจะมีความรู้สึกบ้างเมื่อยิงบริเวณที่เป็นกระดูก เช่น กราม หรือ โหนกแก้ม โดยผลลัพธ์ของการยกกระชับที่ได้จะเห็นแทบทันทีหลังทำ
Linear Lift เหมาะกับใคร?
โปรแกรม Linear Lift เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปี ขึ้นไป ที่มีปัญหาหนังตาตก มีริ้วรอยตามใบหน้า และ ผิวมีความหย่อนคล้อย หรือ ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยผลลัพธ์จะเริ่มเห็นตั้งแต่หลังทำ โดยจะชัดเจนที่สุดตั้งแต่เดือนที่ 2-3 เป็นต้นไป และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน โดยอาจจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล