RADIESSE Filler คือ อะไร? นวัตกรรมฉีดผิวกระตุ้นคอลลาเจนสร้างเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ที่แข็งแรง

Radiesse Filler ช่วยเติมเต็มผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟิ้นฟูผิวเด็ก

RADIESSE Filler คือ นวัตกรรมใหม่ล่าสุดในกลุ่มการฉีดผิวในประเภทสารเติมเต็ม กระตุ้นคอลลาเจนพร้อมสร้างเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ที่แข็งแรง สัมผัสผิวเฟิร์ม เด้งฟู ดูอ่อนเยาว์ ในครั้งเดียว

สรุปทุกเรื่อง Radiesse Filler

อีกขั้นของวงการผิว!! นวัตกรรมใหม่ล่าสุดเติมเต็มพร้อมกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสติน พร้อมสร้างเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ที่แข็งแรง สัมผัสผิวเฟิร์ม เด้งฟู ดูอ่อนเยาว์ ยาวนาน 2 ปี ในครั้งเดียว  เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัท Merz Aesthetics ซึ่งเป็น 1 ในบริษัทความงามชื่อดังของโลก บทความนี้หมอจะพาทุกคนไปรู้จักกับ RADIESSE ว่าคืออะไร? มีส่วนผสมอะไรบ้างถึงสามารถช่วยให้ผิวเฟิร์ม ดูอ่อนเยาว์ สามารถฉีดที่บริเวณไหนได้บ้าง พร้อมทั้งวิธีดูแลตัวเองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยครับ

Radiesse Filler ช่วยเติมเต็มผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟิ้นฟูผิวเด็ก

RADIESSE คืออะไร ?

RADIESSE (เรเดียสซ์) คือ สารฉีดกระตุ้น Regenerative Biostimulator นวัตกรรมล่าสุดในกลุ่มการฉีดผิวในประเภทสารเติมเต็ม (Filling Substance) ชนิดหนึ่งที่มี CaHA: Calcium Hydroxylapatite microsphere (แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์) เป็นสารสำคัญในการสร้างเส้นใยตาข่ายผิวกระตุ้นให้เกิดการสร้างใหม่ของคอลลาเจน

ซึ่งมีจุดเด่นพิเศษคือช่วยทั้งเรื่องกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน จึงให้ผลลัพธ์ในการเติมเต็มวอลลุ่มให้ผิวดุอ่อนเยาว์สุขภาพดีแบบเห็นผลทันทีหลังทำ และช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ ในระยะยาว

เหมาะในการแก้ปัญหาริ้วรอย และร่องลึกบนใบหน้าที่เป็นค่อนข้างมาก เช่นร่องแก้ม ร่องน้ำหมากรวม รวมไปถึงบริเวณคอและหลังมือ โดยสามารถเข้ากับร่างกายได้ดีและไม่ก่อให้เกิดการต่อต้านของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย

นอกจากนี้แล้วยังเป็นสารเติมเต็ม CaHA รายแรกและรายเดียวของโลกที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (US FDA) ในประสิทธิภาพด้านการยกกระชับ ปรับรูปหน้า พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินให้แก่ผิวอีกด้วย

RADIESSE มีหลักการทำงานอย่างไร ?

 

Regenerative Biostimulator เป็นสารฉีดบริเวณผิวหนังที่ไม่ใช่กรดไฮยาลูโรนิก ปริมาตร 1.5 ซีซี มีสารสำคัญคือแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ ในรูปแบบไมโครสเฟียร์ (Calcium Hydroxyapatite Microspheres, CaHA) ที่คัดเฉพาะขนาด 25-45 ไมครอน ใน RADIESSE หนึ่งโดสประกอบไปด้วย CaHA ปริมาณ 30% หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อนึงว่า “คาห้า” เป็นสารประกอบด้วยฟอสเฟต (Phosphate Ion) และแคลเซียม (Calcium ) ที่พบได้ในร่างกายโดยธรรมชาติอยู่แล้วในร่างกายมนุษย์โดยเฉพาะในกระดูกและฟัน และอีกปริมาณ 70% เป็นสารเนื้อเจล Sodium Carboxymethylcellulose ที่ทำหน้าที่นำพา CaHa เข้าสู่ตำแหน่งที่ฉีด 

โดยสาร CaHA ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์มานานกว่า 25 ปี ดังนั้น synthetic CaHA ของ RADIESSE จึงมีความปลอดภัยสูงสามารถเข้ากับร่างกายได้ดี (Biocompatibility) โดยไม่เกิดการต่อต้านจากระบบภูมิคุ้มกัน (Non-immunogecin Properties) และสามารถสลายไปตามธรรมชาติด้วยระบบ Normal Homeostatic Mechanisms ของร่างกายตามปกติได้ 

เมื่อฉีด Radiesse ที่มีส่วนประกอบเป็น CaHA เข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง ตัวเจลจะไปช่วยเติมเต็มวอลุ่ม ลดร่องลึกต่าง ๆ ทำให้ผิวดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ส่งผลให้ริ้วรอยตื้นขึ้น ผิวเต่งตึง กระชับ และยังเห็นผลได้ทันทีหลังการรักษา

Radiesse filler คือ นวัตกรรมฟื้นฟูผิวที่จัดอยู่ในกลุ่มสารเติมเต็มเหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์ และยังช่วยสร้างคอลลาเจนใต้ผิวได้ด้วย

ทำไมต้อง RADIESSE ?

 

RADIESSE Filler ทำได้มากกว่ากระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่สามารถช่วยกระตุ้นการสร้าง  “เส้นใยตาข่ายผิว” ครบทั้ง 5 ประการ ที่มีส่วนสำคัญเพื่อผิวอ่อนเยาว์สุขภาพดี

  1. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 ได้ถึง 150% ช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้เฟิร์ม กระชับแข็งแรง
  2. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 3 ได้ถึง 130% ช่วยเสริมประสิทธิภาพทำให้โครงสร้างผิวแต่งตึง แข็งแรงร่วมกับชนิดที่ 1
  3. กระตุ้นการสร้างอิลาสตินได้ถึง 260% ส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่น นุ่มเด้ง
  4. กระตุ้นการสร้างหลอดเลือดเล็ก ทำให้มีสารอาหารหล่อเลี้ยงผิวเพิ่มขึ้น หรือเรียกว่า กระบวนการ Angiogenesis กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตเพื่อผิวสุขภาพดี
  5. กระตุ้นการสร้างสารน้ำหล่อเลี้ยงผิว Proteoglycan ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์
Radiesse ช่วยกระจตุ้น 5 ปัจจัยที่ทำให้ผิวเด็ก

“มอบ 3 ผลลัพธ์ที่เหนือกว่าด้วย CaHA Microsphere เห็นผลทันทีและยาวนานกว่าที่เคย”

หลังการฉีดเข้าสู่ชั้นผิว ผลลัพธ์ที่สามารถพบเจอได้ทันที มีดังนี้

  1. Healthier : ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี แข็งแรง เฟิร์มกระชับยิ่งขึ้น โดยทำให้ผิวเปล่งประกายตั้งแต่ชั้นในสุดออกมายังผิวชั้นนอก
  2. Younger : ช่วยย้อนวัยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ พร้อมเติมเต็มผิวหนังที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง
  3. Longer : ช่วยยืดอายุของผิวให้ดูเด็กลงได้ยาวนานขึ้น และช่วยให้เซลล์ต้นกำเนิดใต้ชั้นผิวทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยไม่เป็นอันตราย

5 จุดเด่นที่ทำไม Radiesse Filler เป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน

  1. ใช้งานสะดวกเนื่องจากอยู่ในรูปแบบเจลในไซริงค์พร้อมสำหรับการฉีด (Pre-Filled Syringe)
  2. ได้รับความนิยมทั่วโลก เนื่องจากมียอดขายมากกว่า 15 ล้านไซริงค์จากทั่วโลก (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2023)
  3. มีความปลอดภัยสูง แพทย์ทั่วโลกใช้รักษากันมานานกว่า 20 ปี และยังมีงานวิจัยรองรับมากกว่า 245 ฉบับ
  4. น่าเชื่อถือและสามารถวางใจได้ เนื่องจากได้รับการการันตีถึง 3 อย. ได้แก่ UE FDA, US FDA และ THAI FDA รวมทั้งยังได้รับ อย.ในด้านการฉีดมือโดยเฉพาะอีกด้วย
  5. ได้รับความพึงพอใจจากผู้ใช้จริงสูงถึง 90% จากผลสำรวจหลังจากใช้ 1 ปี
5 จุดเด่นที่ทำให้ Radiesse เป็นที่นิยมอย่างยาวนาน

เหมาะกับใคร ? 

RADIESSE เหมาะกับกลุ่มคนที่มีอายุ 30 – 55 ปี หรือมีปัญหาด้านผิวพรรณ ดังนี้

  • มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ เริ่มเห็นการสูญเสียวอลุ่มเล็กน้อย-ปานกลาง
  • มีริ้วรอยแห่งวัยเกิดขึ้น
  • ผิวโทรม แห้ง แลดูหยาบกร้าน ขาดความชุ่มชื้น
  • มีร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอยย่นรอบปาก
  • มีปัญหาความเหี่ยวย่นบริเวณ หลังมือ และคอ
  • มีปัญหาเรื่องความเหี่ยวย่นบริเวณ คอ เนินอกสำหรับผู้หญิง
  • มีปัญหารอยแผลเป็น ร่อง หรือหลุม ที่เกิดจากปัญหาผิว เช่นสิว

ไม่เหมาะกับใคร ?

  • ผู้ที่มีประวัติการใช้ยากลุ่ม NSAID ยากดภูมิคุ้มกัน หรือ corticosteriods มานาน
  • มีปัญหาสุขภาพจิต
  • มีโรคทางระบบประสาทสัมผัสในการรับรู้ที่ไม่ดีนัก
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือ ให้นมบุตรอยู่
  • คนไข้โรคเบาหวาน โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคเริม หรือ โรคลมชัก
  • มีประวิติแพ้ยาชา Lidocaine
  • มีประวิติเคยแพ้สารบางชนิดอย่างรุนแรง (Anaphylaxis) มาก่อน เช่น เคยมีผื่นลมพิษ แน่นหร้าอก ความดันโลหิตต่ำ เป็นต้น
  • มีการอักเสบที่ผิวหนัง เช่น ผิวหนังที่มีผื่นขึ้น ถุงซีสต์ สิว ผื่น หรือลมพิษ การติดเชื้อ หรือเนื้องอกในบริเวณใกล้เคียงจนกว่าจะสามารถควบคุมอาการได้
  • ผู้ที่เคยเกิดหรือไวต่อการเกิดคีลอยด์หรือแผลเป็นนูน
  • ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติหรือผู้ที่มีการใช้สารที่ส่งผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด ยาละลายลิ่มเลือด หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด อาจเกิดอาการฟกช้ำ ห้อเลือด หรือมีเลือดออกเฉพาะที่ได้
  • ผู้ที่ใจร้อน ต้องการเห็นผลการรักษาทันที เนื่องจากการฉีด RADIESSE ต้องใช้เวลาให้ร่างกายค่อย ๆ กระตุ้นคอลลาเจน

Radiesse Filler อยู่ได้นานเท่าไหร่?

หลังจากที่ฉีดตัวยาจะเข้าไปเติมเต็มผิวและออกฤทธิ์ยกกระชับผิว ทำให้ร่องลึกเริ่มตื้นขึ้น และริ้วรอยจางลง ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ 1 เดือนแรกที่รับบริการ เห็นชัดเจนขึ้นใน 3 – 6 เดือน โดยผิวจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ผิวแน่นกระชับ และยืดหยุ่นขึ้น ซึ่งโครงสร้างเส้นใยคอลลาเจนที่สร้างขึ้นจะคงอยู่ในระยะยาว และมีคอลลาเจนหนาแน่น แข็งแรง ผิวดูสุขภาพดีได้ยาวนานถึง 2 ปี ทั้งนี้ ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รวมทั้งตำแหน่งที่ฉีด คุณภาพผิวเดิม และอายุของผู้ฉีดด้วย 

  • สำหรับการฉีดซ้ำ ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เดือน
  • เพื่อผลลัพธ์ที่ดี โดยเฉลี่ยใช้ 2 กล่อง/ครั้ง
  • เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขอแนะนำให้ฉีดต่อเนื่อง 1-3 ครั้ง (ขึ้นกับปัญหาผิว ความหย่อนคล้อย และ ความเสียหายของคอลลาเจน)

โดยสามารถมารับบริการได้ที่ The Signature Clinic เราดูแลโดยแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านการฉีด พร้อมประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผิวสวยสุขภาพดีมากที่สุด

เปรียบเทียบผลลัพธ์ ก่อนและหลัง ฉีด Radiesse Filler

การดูแลตัวเองก่อนทำ 

  1. ก่อนทำควรงดการรับประทานยาที่ก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด จำพวกยากลุ่ม NSAIDs หรือแอสไพริน หรืออาหารเสริมจำพวกกิงโกะ
  2. ก่อนทำควรแจ้งประวัติให้แพทย์ทราบโดยละเอียดว่ามีอาการแพ้อะไรหรือมีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่
  3. ก่อนทำควรงดสคลับผิว หรือใช้ยารวมทั้งครีมผลัดเซลล์ผิว เพื่อป้องกันการเกิดการอักเสบ 
  4. ก่อนทำควรมีสุขภาพร่างกายที่ดี แข็งแรงและไม่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

และที่สำคัญควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้รับ RADIESSE จากผู้ผลิตแท้และการรักษาถูกดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรอง โดยสามารถตรวจสอบได้ผ่าน RADIESSE Certified Injector ที่คลินิกหรือ Merz Check

การดูแลตัวเองหลังทำ

หลังทำแล้วอาจบวมเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีดโดยคนไข้ไม่ต้องกังวลอาการเหล่านี้มักหายเองภายใน 72 ชั่วโมง สำหรับในบางกรณี อาจเกิดรอยช้ำหลังจากการฉีด ซึ่งเป็นปกติเนื่องจากการกระจายสารเติมเต็มบนผิวหนัง

หากสังเกตเห็นผิวหนังแดงหลังการฉีด แนะนำให้ประคบเย็นหรือใช้ยาที่ช่วยลดรอยช้ำ หากผ่านไป 24 ชั่วโมงแล้วและผิวหนังยังคงแดง แนะนำให้ประคบอุ่น ทั้งนี้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและอยู่ได้ระยะยาวหมอขอแนะนำการปฏิตัวดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส การนวดหรือการกดบริเวณที่ถูกฉีด งดการแต่งหน้าอย่างน้อย 12 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่ใช้ความร้อนสูงและงดเข้าห้องซาวน่าอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • งดการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประมาณ 2 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงยากลุ่มแอสไพริน หรือ NSAID อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น ซาวน่า และแสงแดดเป็นเวลานาน
  • ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจนควบคู่กันไป
  • เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น แนะนำให้เข้ารับการประเมินผลการรักษา 2-3 เดือนหลังฉีด และอาจมีการฉีดเพิ่มในกรณีที่จำเป็น
Radiesse Filler เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรองรับถึง 3 อย. ด้วยกัน คือ EU,US และ THFDA

ฉีด RADIESSE ใช้เวลานานเท่าใด ?

ในการฉีด RADIESSE  ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง

ตอนฉีดเจ็บหรือไม่ ?

ในขณะฉีดตัวยาจะมีความรู้สึกแสบ หน่วงเล็กน้อย แต่เป็นความรู้สึกที่ทนได้ ซึ่งสำหรับคนที่กลัวความเจ็บสามารถใช้ยาชาเพื่อลดความรู้สึกเจ็บได้เช่นกัน

เหตุผลที่ควรฉีด RADIESSE  ที่ The Signature Clinic

  1. หมอบอลเป็น RADIESSE Trainer ของ Merz Aesthetics. และเราเป็น 1 ใน 100 คลินิกแรกของเมืองไทยที่ให้บริการศาสตร์แห่งการฟื้นฟูผิวตัวล่าสุด นอกจากนี้ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีด้านเลเซอร์ Pico ที่ทันสมัย คนไข้จึงมั่นใจได้ถึงผลลัพธ์ที่ดีและการรักษาที่ปลอดภัย
  2. เป็นคลินิกที่ก่อตั้ง และทำการดูแลโดยทีมแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านความงาม พร้อมให้คำแนะนำและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลทุกเคส เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและตอบโจทย์ที่สุด
  3. คลินิกใช้ยาแท้ นำเข้าจากบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอย่าถูกต้อง ตรวจสอบได้
  4. มีรางวัลการันตีมากมาย
  5. คลินิกสะอาด ได้รับมาตรฐานจากกระทรวงอย่างถูกต้อง
  6. มีความน่าเชื่อถือ มีรีวิวจากผู้รับบริการจริงมากมาย
  7. มีทีมงานจะคอยแนะนำการดูแลผิว ติดตามผลหลังการรักษา และให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง

บทความที่คล้ายกัน

Radiesse Plus ช่วยอะไรได้บ้าง รีวิวก่อนและหลังฉีด Radiesse Plus

Radiesse Plus ช่วยอะไรได้บ้าง รีวิวก่อนและหลังฉีด Radiesse Plus

สมัยนี้อยากมีใบหน้าหน้าคมอยากมีใบหน้าเรียว โดยไม่ต้องพึ่งฟิลเลอร์ ก็สามารถทำได้แล้ว ด้วยนวัตกรรมสารเติมเต็มที่ให้ได้มากกว่าฟิลเลอร์ทั่วไปอย่าง Radiesse Plus ที่สามารถช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ผิวเต่งตึง กระชับ ใบหน้าดูคม สร้างกรอบหน้าให้ดูมีมิติมากขึ้น ด้วยการฟื้นฟูตั้งแต่โครงสร้างจากภายในสู่ภายนอก จากการกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน ให้ผิวสามารถกลับมาดูเรียบเนียนอีกครั้ง และผลลัพธ์ยังสามารถอยู่ได้นานมากกว่า 1 ปี ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงนวัตกรรมสารเติมเต็มอย่างโปรแกรม Radiesse Plus ที่เป็นได้มากกว่าฟิลเลอร์ เป็นสุดยอดนวัตกรรมได้รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลก ดังนั้นเราได้รวบข้อมูล เพื่อนำมาคัดสรรเรื่องที่ควรต้องรู้ก่อนตัดสินใจฉีดโปรแกรมนี้มาไว้ในบทความนี้แล้วครับ  Radiesse

เจาะลึก รีวิว ข้อดี ข้อเสีย ของ Radiesse และ Radiesse Plus ก่อนฉีด

เจาะลึก รีวิว ข้อดี ข้อเสีย ของ Radiesse และ Radiesse Plus ก่อนฉีด

อีกหนึ่งสิ่งที่สายงานผิวไม่ควรพลาดอย่าง Radiesse นวัตกรรมที่ช่วยให้ผิวสวย เต่งตึง ผิวดูอิ่มฟูด้วยคอลลาเจนจากภายในสู่ภายนอกอีกครั้งอย่างมีคุณภาพ นอกจากสายงานผิวแล้วหลายคนมักมีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด ทั้งที่เพิ่งจะอายุ 20 ต้น ๆ และคนอีกบางกลุ่มมักมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด เนื่องจากอายุเยอะ โดยการใช้ Radiesse เพื่อเข้ามาแก้ปัญหานี้ที่มีข้อบ่งชี้ (Indication) เพื่อการยกกระชับ (Lifting) และสร้างกรอบหน้า (Contour) ดังนั้นเพื่อเคลียร์ข้อข้องใจที่หลายคนสงสัยกันระหว่าง Radiesse และ Radiesse

Radiesse VS HA Filler เจาะลึก Radiesse เปรียบเทียบ Radiesse ต่างจากฟิลเลอร์อย่างไร

Radiesse VS HA Filler เจาะลึก Radiesse เปรียบเทียบ Radiesse ต่างจากฟิลเลอร์อย่างไร

เมื่อก้าวเข้าสู่อายุ 30 ร่างกายเริ่มมีการสูญเสียคอลลาเจนลงไปประมาณปีละ 1-2% และด้วยการผลิตคอลลาเจนที่ลดลงนี้ ส่งผลให้เจอกับปัญหาใบหน้าหน้าดูตอบ หน้าดูโทรม ไม่เรียบ กรอบหน้าไม่ชัด ไม่เต่งตึงเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องรู้จักกับนวัตกรรมที่ช่วยให้ผิวสวย เต่งตึง ผิวดูอิ่มฟูคอลลาเจนด้วย Radiesse ที่เข้ามาช่วยสร้างเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ ฟื้นฟูให้โครงสร้างผิวแข็งแรง ดังนั้นเราจะพามาเจาะลึก Radiesse เปรียบเทียบ Radiesse VS HA Filler ต่างจากฟิลเลอร์อย่างไรในบทความนี้กันครับ Radiesse

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save