รีวิว รักษา ฝ้าและกระ ด้วย Pico Laser บอกลาฝ้ากระ

Pico Laser เป็นเทคโนโลยีที่กำจัดเม็ดสีอันเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าและกระได้มีประสิทธิภาพสูงกว่ารูปแบบเครื่องรุ่นเก่า และปล่อยพลังได้สูงและลงลึกถึงชั้นผิวแบบเฉพาะเจาะจงโดยไม่ทำลายเนื้อเยื้อผิว

ฝ้าและกระ คืออะไร? เกิดขึ้นเพราะอะไร?

ฝ้าและกระ ปัญหาผิวของหลาย ๆ คนเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น เป็นปัญหาสุดกลุ้มใจของผู้หญิง ที่ทำลายความมั่นใจเพราะเป็นจุดบกพร่องบนใบหน้าที่สังเกตเห็นได้ชัด และยากที่จะรักษาให้หายขาด แต่จะแยกได้อย่างไรว่าเป็นฝ้าหรือกระ เพราะลักษณะบางครั้งก็คล้ายกันมากและยังมีหลายประเภท จนทำให้เลือกวิธีการดูแลไม่ถูกวิธี ในบทความนี้ หมอจะอธิบายสาเหตุ ข้อแตกต่างและวิธีการรักษาของฝ้าและกระ 

ฝ้า กระ จุดด่างดำ ปัญหาสุดกลุ้มใจของผู้หญิง ที่ทำลายความมั่นใจเพราะเป็นจุดบกพร่องบนใบหน้าที่สังเกตเห็นได้ชัด

ฝ้า (Meslasma)

สาเหตุเกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนังทำงานผิดปกติทำให้เกิดการสร้าง เม็ดสีขึ้นมามากเกินไป จนมีลักษณะเป็นรอยคล้ำ ผิวเรียบ มีสีน้ำตาลถึงดำเป็นปื้นกระจายตัวคล้ายแผนที่ดูเข้มขึ้นกว่าสีผิวรอบข้าง และจะเข้มขึ้นอีกตามอายุในบริเวณตำแหน่งบนใบหน้า เช่น โหนกแก้ม แก้ม จมูก หน้าผาก โดยฝ้านั้นสามารถแบ่งประเภทได้ถึง 4 ชนิดหลัก ๆ คือ

  • ฝ้าตื้น (Epidermal) มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีดำ มีขอบชัดเจน เกิดได้ง่ายจากการสร้างเม็ดสีเมลานินที่มากกว่าปกติในระดับผิวหนังชั้นหนังกำพร้า (ผิวหนังชั้นนอก) ฝ้าชนิดนี้สามารถรักษาให้หายได้ ง่ายกว่าฝ้าชนิดอื่น ด้วยยาทาฝ้าเนื่องจากฝ้าจะอยู่เพียงชั้นตื้นที่สามารถลอกออกด้วยกลุ่มยารักษาฝ้าได้ ร่วมกับ และการใช้ครีมกันแดด เพื่อป้องกันการกลับมาของเม็ดสี
  • ฝ้าลึก (Dermal) มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอมฟ้า สีม่วงอมน้ำเงิน เกิดจากการสร้างเม็ดสีเมลานินที่มากกว่าปกติในระดับผิวหนังชั้นหนังแท้ จึงจัดว่าเป็นฝ้าที่รักษายากกว่าฝ้าแบบตื้น การรักษาด้วยยาทาฝ้า ไม่สามารถช่วยให้หายขาดได้ เนื่องจากยาทาฝ้าไม่สามารถซึมผ่านลงในผิวชั้นลึกได้ ถ้าทาต่อเนื่องมักจะทำให้ผิวหลุดลอกส่งผลให้ผิวบางลง แพ้ง่าย หน้าแดง แพ้แสง ส่วนการใช้ครีมกันแดด ได้ผลเพียงการป้องกันไม่ให้ฝ้าเป็นมากขึ้น การรักษาฝ้าลึกจึงต้องใช้เลเซอร์ที่มีความสามารถในการทำลายเม็ดสีส่วนเกินอย่างแม่นยำโดยไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์รอบข้าง รวมถึงเซลล์สร้างเม็ดสี
  • ฝ้าผสม (Mixed) คือฝ้าที่มีการสร้างเม็ดสีมากผิดปกติทั้งในชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ มีลักษณะ เป็นปื้นสีน้ำตาลอ่อนไปจนเข้ม อาจมีบางส่วนที่ดูสีออกเทาๆ เนื่องจากเม็ดสีอยู่กระจัดกระจายในทุกชั้นผิว การรักษาต้องจัดการกับเม็ดสีส่วนเกินในแต่ละชั้นผิวอย่างแม่นยำ โดยที่ไม่ทำลายชั้นผิวหนังให้บางลงกว่าเดิม ฝ้าชนิดนี้มักพบในคนที่ผ่านการเป็นฝ้ามาอย่างยาวนานและเคยทำหัตถการผิวหนังหลากหลาย
  • ฝ้าเส้นเลือด (Telangiectatic melasma) มีลักษณะ ปื้นสีน้ำตาลบนผิวหน้าที่ดูออกแดงๆเมื่อดูใกล้ๆจะเห็นเป็นเม็ดสีน้ำตาลเข้มอ่อน กระจายตัวอยู่บนผิวที่มีเส้นเลือดฝอยอยู่บนใบหน้าฝ้าเส้นเลือดเกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง ทำให้เส้นเลือดฝอยแตก และกระจุกบริเวณใต้ผิวหนัง ฝ้าเลือดเกิดได้จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การรับประทานยาคุมกำเนิด การตั้งครรภ์ และการโดนแสงแดดมากเกินไป และสามารถเกิดขึ้นจากการใช้ครีมหรือเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น มีสารสเตียรอยด์ สารปรอท เป็นต้น ทำให้ผิวหน้าบางและแพ้ง่ายกว่าปกติ การรักษาจึงยากขึ้นกว่าการรักษาฝ้าโดยทั่วไป ต้องจัดการกับเม็ดสีเมลานินส่วนเกิน พร้อมกับรักษาเส้นเลือดฝอยที่ขยายตัวค้างอยู่ที่ผิว โดยต้องไม่ทำให้ผิวบางลงไปมากกว่าเดิม เนื่องจากคนไข้กลุ่มนี้ส่วนใหญ่ มักจะผ่านการรักษามาอย่างโชกโชนจนผิวบางแพ้ง่าย

กระ (Freckles)

กิดจากภาวะที่เม็ดสีเมลานินนั้นมีความผิดปกติทำให้เกิดการผลิตเม็ดสีขึ้นมาเป็นจำนวนมาก โดยจะมีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลอ่อนหรือสีน้ำตาลเข้ม ผิวเรียบหรือนูน กระจายตัวอยู่ตามผิวหนังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งจะแตกต่างจากฝ้าที่มีลักษณะเป็นปื้น สีน้ำตาลแต่ผิวเรียบ มักมีสาเหตุจากพันธุกรรม แสงแดด และฮอร์โมนโดยกระนั้นสามารถแบ่งประเภทได้ถึง 4 ชนิดหลัก ๆ คือ

  • กระตื้น (Freckles or Ephelides) มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลขนาดเล็ก ไม่เกิน 0.5 cm ขอบชัด มักพบกระจายตัวในบริเวณที่สัมผัสแสงแดดเช่น โหนกแก้ม จมูก หรือหากเป็นฝรั่งอาจพบได้บริเวณต้นแขนด้วยโดยเกิดจากเซลล์เม็ดสีทำงานผิดปกติจึงมีความไวต่อแสงแดดมากเป็นพิเศษ กระชนิดนี้อาจมีสีเข้มขึ้นหากมีการออกแดดเป็นระยะเวลานาน ซึ่งหากหลีกเลี่ยงแสงแดดแล้ว มีโอกาสที่จะจางได้เอง และเกิดจากพันธุกรรมมีผลให้เกิดกระตื้นในคนที่อายุน้อยได้เช่นกัน
  • กระลึกโฮริ (Nevus of Hori) มีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลเข้ม อมเทาดำ ขอบเขตไม่ชัด มีผิวเรียบ กระจุกอยู่เป็นกลุ่มบนใบหน้า มักพบบริเวณโหนกแก้มทั้ง 2 ข้างและจมูก โดยเกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดสีบริเวณชั้นหนังแท้และถูกกระตุ้นโดยรังสี UV จากแสงแดด ร่วมกับฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นช่วงวัยรุ่นหรือช่วงตั้งครรภ์ โดยกระชนิดนี้อาจรักษาด้วยครีมได้ยากเพราะเม็ดสีที่เข้มขึ้นนั้นอยู่ลึกลงไป ในชั้นหนังแท้ การรักษาด้วยเลเซอร์สามารถทำให้หายขาดอย่างถาวรได้
  • กระแดด (Solar Lentigines) มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอ่อน ขอบเขตชัด ขนาดเล็ก เกิดจากแสงแดดและอายุที่มากขึ้น ซึ่งสามารถพบได้ในบริเวณที่โดนแสงแดดเป็นประจำ เช่น ใบหน้า โหนกแก้ม แขน ขา หลังมือ เป็นต้น กระชนิดนี้เกิดขึ้นในผู้สูงอายุหรือผู้ที่ทำงานกลางแดดเป็นเวลานาน และอาจเกิดขึ้นกับผู้ที่มีปัญหาในเรื่องฮอร์โมนจนแสดงออกทางผิวหนังได้ สามารถรักษาได้ด้วยการ แต้มTCA (น้ำกรด) หรือ Liquid Nitrogen ( ไนโตรเจนเหลว), CO2 laser, Erbium YAG laser, Pico Laser
  • กระเนื้อ (Seborrheic Keratosis) มีลักษณะเป็นเม็ดสีน้ำตาลอ่อนจนไปเข้มและดำ มักเริ่มจากเป็นเม็ดขนาดเล็กแล้วค่อย ๆ ขยายขนาดใหญ่ขึ้น รวมถึงมีสีเข้มขึ้น เนื้อนูนขึ้นจากผิวชัดเจน เกิดจากการที่หนังกำพร้ามีการเจริญเติบโตมากจนผิดปกติ มักพบบริเวณใบหน้า คอ แขน และลำตัว โดยมีสาเหตุจากพันธุกรรม แสงแดด และวัยที่มากขึ้น รักษาได้ด้วยการ แต้มTCA (น้ำกรด) หรือ Liquid Nitrogen ( ไนโตรเจนเหลว), CO2 laser, Erbium YAG laser, Pico Laser

ทั้งนี้แต่ละคนก็อาจมีทั้งฝ้าและกระหลายชนิด ซึ่งจะต้องค่อย ๆ ดูแลและรักษาให้ถูกวิธี หากไม่แน่ใจว่าเป็นฝ้าหรือกระประเภทไหนการมาปรึกษาแพทย์และวางแผนการรักษาที่ถูกวิธีจะช่วยให้การรักษาฝ้าและกระอย่างมีประสิทธิภาพได้ดีที่สุด

ฝ้าและกระ เกิดจากอะไร?

  • เกิดจากฮอร์โมนในร่างกายที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินไป พบได้บ่อยในผู้หญิงที่ทานยาคุมกำเนิด หรือการตั้งครรภ์
  • การใช้เครื่องสำอางที่มีสารเคมี มีสารเสตียรอยด์ สารปรอท ที่กระตุ้นให้เกิดฝ้ากระ
  • การโดนรังสี UV จากแสงแดดแรง ๆ มีวิจัยพบว่า 70% ของการเกิดมาฝ้า กระ  มาจากแสงแดด เพราะแสงแดดจะไปกระตุ้นการทำงานของเม็ดสีเมลานินบริเวณผิวหนังโดยเฉพาะบริเวณผิวหน้า โหนกแก้ม ซึ่งเป็นบริเวณที่สัมผัสแสงแดดได้มากที่สุด
  • กรรมพันธุ์มีการวิจัยว่าหากครอบครัวใดมีพ่อแม่ที่เป็นฝ้า โอกาสที่บุตรหลานจะเป็นฝ้าด้วยนั้นมีมากถึง 30 – 50% และมักพบในคนเอเชียมากกว่าคนยุโรป และผู้ที่เป็นฝ้าจากกรรมพันธุ์ถ้ารักษาฝ้า กระ จุดด่างดำให้หายแล้ว จะมีโอกาสกลับมาเป็นฝ้าอีกสูงมาก
  • อายุที่มากขึ้น เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น การผลิตเซลล์เม็ดสีใต้ผิวหนังจะมีการเปลี่ยนแปลง และกระบวนการผลัดเซลล์ผิวนั้นไม่สม่ำเสมอเป็นสาเหตุให้ผิวบางจุดมีสีเข้ม เป็นกระ
  • ความเครียด และพักผ่อนน้อย เมื่อเกิดความเครียด จะก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายขึ้นมา ซึ่งจะไปเร่งการผลิตเม็ดสีเมลานินขึ้นมาใต้ผิวหนังก่อให้เกิดกระขึ้นมา
  • แสงสีฟ้าจากคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และหลอดไฟ ทำให้เกิดความร้อนสะสม รบกวนเมลานีนหรือเม็ดสีผิว ทำให้เกิดฝ้าที่เด่นชัดขึ้น

ฝ้ากระเกิดจากเกิดจากฮอร์โมนในร่างกายที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินไป และการโดนแสงแดด

Pico laser คืออะไร? มีกี่แบบ

ก่อนที่ Pico Laser จะเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน Q Switch Nd YAG (QS Laser) ถือว่าเป็นเลเซอร์มาตรฐาน ที่ใช้จัดการกับปัญหาเม็ดสี รวมถึงกระฝ้า เริ่มมีการใช้มาตั้งแต่ช่วงค.ศ 2000 แต่ด้วยความที่ QS Laser ใช้ความเร็วในระดับ Nanosecond จึงทำให้ การทำลายเม็ดสี ด้วย QS Laser ยังคงมีความร้อนส่วนเกินตกค้าง ส่งผลให้ผิวรอบข้างเกิดการบาดเจ็บและยังอาจกระตุ้นการผลิตเม็ดสีต่อเซลล์สร้างเม็ดสีเมลานินได้ โดยเฉพาะการรักษารอยโรคที่มีสีเข้มมากๆ เช่นปานดำ หรือการลบรอยสัก ความร้อนส่วนเกินมักจะทำให้ ผิวเกิดการไหม้และเป็นตุ่มน้ำพองส่งผลให้เกิดแผลเป็นตามหลังได้

Pico Laser จึงถูกพัฒนาขึ้นเริ่มแรกโดย Cynosure USA เมื่อปี ค.ศ 2012 เพื่อลดผลข้างเคียงจากการใช้เทคโนโลยีของเลเซอร์แบบเดิม Pico Laser ปัจจุบันจึงถือเป็นเทคโนโลยีที่ได้ผลและมีความแม่นยำในการรักษามากกว่าวิธีแบบเดิม

Pico Laser หรือ Picosecond Laser ที่สามารถปล่อยพลังงานที่สูงในช่วงระยะเวลาที่สั้น มากด้วยการใช้พลังเลเซอร์ด้วยความเร็วสูง 1 ต่อล้านล้านวินาที โดยใช้มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 532 nm 755nm และ 1,064 nm ซึ่งสามารถช่วยในการรักษาปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอและรอยฝังลึกในผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) ทำให้เม็ดสีที่อยู่ใต้ผิวหนังเกิดการสั่นสะเทือนระดับสูง จากเม็ดสีที่รวมตัวอย่างหนาแน่นจนเกิดเป็นฝ้า กระ ให้แตกกระจายตัวกลายเป็นอนุภาคที่เล็กลง และสามารถปล่อยพลังงานในรูปแบบ Fractional beam ที่เป็นการบีบลำแสงเลเซอร์ผ่านเลนส์กระจกที่มีลักษณะเป็นรูตะแกรงขนาดเล็ก Disfractive Lens Array (DLA) ทำให้พลังงานของเลเซอร์สูงขึ้นมาก เมื่อลำแสงเข้มข้นที่มีขนาดเล็กผ่านชั้นผิวไปกระทบกับเม็ดสีเมลานิน จะเกิดสิ่งที่เรียกกันว่า LIOB (Laser Induced Optical Breakdown) ซึ่งก็คือการ Microcavitation หรือฟองอากาศขนาดจิ๋วภายในชั้นผิวหนัง ภายในฟองอากาศขนาดจิ๋ว จะเกิดพลังงานมหาศาลในทางฟิสิกส์ที่เรียกว่าพลาสมา (Plasma) สิ่งนี้ทำให้เม็ดสีส่วนเกินภายในชั้นผิวสลายหายไปได้ทันที โดยที่ไม่เกิดความร้อนแผ่ไปยังเนื้อเยื่อรอบข้าง

LIOB ที่เกิดขึ้นจึงถือว่าเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่มีเทคโนโลยีเดิมสามารถทำได้คือ
1.การทำให้เกิดแผลลักษณะเป็นฟองอากาศเล็กๆจำนวน 200,000-500,000 จุดภายในผิวหนัง
2.ผิวหนังภายนอกยังปิดสนิท ไม่ถูกลอกออก ผิวไม่บางลง
3.ไม่มีความร้อนส่วนเกิน ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง
4.สามารถจัดการเม็ดสีเมลานินได้โดยไม่ทำลายเส้นเลือด
5.พลาสมาที่เกิดขึ้นสามารถฆ่าเชื้อโรคภายในผิวหนังได้ จึงช่วยลดอาการลดอักเสบ หรือเชื้อราในบริเวณที่รักษาได้ยาก

แต่ที่กล่าวมาข้างต้น จะต้องเกิดจากการใช้ “Fractional beam” เท่านั้น การทำ Pico laser จึงช่วย
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง โดยที่ไม่ทำอันตรายต่อผิว ไม่ทำให้ผิวบอบบาง และผิวกลับจะค่อยๆแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม หลังทำเลเซอร์ไป 3-4 ครั้ง

Pico Laser ในปัจจุบันมีผลิตออกมาหลายประเภท หลายบริษัท รูปแบบการปล่อยคลื่นพลังงาน และความยาวของคลื่นที่ต่างกัน ซึ่งเครื่อง Pico laser แต่ละแบบอาจให้ผลลัพธ์ในการรักษาปัญหาผิวที่แตกต่างกัน 

  • เครื่อง Picosure และ Picosure Pro เป็นเครื่องที่คลินิกและโรงพยาบาลชั้นนำในประเทศไทยนิยมใช้ ผลิตโดย บริษัท Cynosure Inc. เป็น Pico ที่เป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีเลเซอร์ทางการแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกาและได้รับมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) ให้สามารถใช้รักษาความผิดปกติของเม็ดสีและลบรอยสักในมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย เป็นเครื่อง Pico Laser ยี่ห้อเดียวที่ได้ US FDA-cleared ในการรักษาฝ้า ปานโฮริ และ ปานโอตะ สามารถยิงพลังงานเลเซอร์ด้วยความเร็วถึง 1 ต่อล้านล้านวินาทีด้วยความยาวคลื่น 755nm เข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนังและตรงไปยังจุดที่ต้องการอย่างจำเพาะเจาะจงเน้นการจัดการเม็ดสีเมลานินเป็นหลัก ไม่ทำอันตรายกับเส้นเลือด ไม่มีจุดเลือดออก หรือเส้นเลือดฝอยแดง ทำให้ผิวไม่แดงค้างไม่ก่อให้เกิดความร้อนสะสมที่ใต้ผิวหนังและทำให้เกิดอาการไหม้หรือสร้างความเสียหายให้กับเนื้อเยื่อรอบข้าง
  • เครื่อง DiscoveryPico เป็นเครื่องที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยและทั่วโลกที่ผลิตโดยบริษัท Quanta System จากประเทศอิตาลี ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อมาจาก Nd:YAG ที่แต่เดิมสามารถปลดปล่อยได้เพียงระดับ nanosecond มาเป็น picosecond ที่ให้พลังงานสูงและรวดเร็วกว่ามาก ส่งผลให้เม็ดสีที่เป็นเป้าหมายถูกสลายได้ละเอียด โดยที่ไม่ทำให้เนื้อเยื่อรอบข้างเสียหายและได้รับมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA)
  • เครื่อง PicoWay เป็นเครื่องเลเซอร์ที่ผลิตโดยบริษัท Candela Corporation โดยประเทศสหรัฐอเมริกา หนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนานวัตกรรมเลเซอร์และเทคโนโลยีพลังงานเพื่อรักษาความงามในทางการแพทย์ PicoWay ก็สามารถปลดปล่อยพลังงานเลเซอร์ได้เร็วถึง 1 ต่อล้านล้านวินาที ซึ่งสามารถทำให้เม็ดสีภายใต้ผิวหนังแตกกระจายอย่างละเอียดเพื่อให้ร่างกายสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และยังมีความสามารถในการกระตุ้นให้ผิวชั้นลึกสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ให้ผิวที่สร้างขึ้นมาใหม่มีความแข็งแรงกว่าเดิมและได้รับมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA)
  • เครื่อง PicoPlus เป็นเครื่องเลเซอร์ที่ผลิตโดยบริษัท Lutronic Corporation ประเทศเกาหลีใต้ ที่ออกแบบมาเพื่อชาวเอเชียโดยเฉพาะได้รับมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) และองค์การอาหารและยาของไทย เป็น picosecond อีกตัวที่หลาย ๆ คลินิกและโรงพยาบาลในประเทศไทยนิยมใช้ สามารถยิงพลังงานเลเซอร์ออกมาด้วยความเร็วถึง 1 ต่อล้านล้านวินาทีลงสู่ชั้นใต้ผิว ด้วยความเร็วขนาดนี้จึงสามารถลงไปทำลายเม็ดสีใต้ผิวหนังอย่างละเอียดโดยที่ทิ้งความร้อนไว้ใต้ผิวน้อยที่สุดทำให้ผิวหน้าเกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเซลล์ผิวหนังใหม่ ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน สม่ำเสมอ และลดการเกิดริ้วรอย รอยแตก และความหมองคล้ำของผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เครื่อง Enlighten III เป็นยี่ห้อเครื่องเลเซอร์แบบ Picosecond laser จากบริษัท Cutera ที่ใช้เทคโนโลยี Dual Pulse ในการส่งพลังงาน มีความแตกต่างจากเครื่องเลเซอร์ Picosecond laser ทั่วไปที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกัน โดยเทคโนโลยี Dual Pulse จะส่งพลังงานแบบสั้น ๆ ไปยังเซลล์ผิวหนัง พลังงานที่ส่งไปจะแยกเป็นสองช่วงเวลาที่แตกต่างกัน และไม่ได้ส่งพลังงานที่มากเกินไปในเวลาเดียวกันได้ผ่านการรับรอง อย.อเมริกา (US-FDA)

ปัญหาฝ้าและกระ ที่ Pico laser ช่วยได้ มีอะไรบ้าง?

Pico Laser เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่สามารถกำจัดเม็ดสีอันเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าและกระได้มีประสิทธิภาพสูงกว่ารูปแบบเครื่องรุ่นเก่า อีกทั้งยังเจ็บน้อยกว่าการทำเลเซอร์ในแบบเดิม และโอกาสในการเกิดรอยคล้ำหลังทำก็ยังน้อยกว่ามาก ๆ และจากการปล่อยพลังได้สูงและลงลึกถึงชั้นผิวแบบเฉพาะเจาะจงโดยไม่ทำลายเนื้อเยื้อผิวรอบข้างจึงทำให้จำนวนครั้งและระยะเวลาในการรักษาฝ้า ฝ้าลึก ฝ้าตื้น กระ กระลึก กระแดด กระตื้น จางลงด้วยการยิงเพียงไม่กี่ครั้ง

กลไกการกำจัดฝ้าและกระ ของเครื่อง Pico laser เป็นอย่างไร?

Pico laser เป็นนวัตกรรมใหม่ โดยหลักการทำงานจะเป็นการส่งพลังงานเลเซอร์ที่ความเร็วสูงสุดในระดับ 1 ต่อ ล้านล้านวินาที (picosecond) ที่มีความยาวคลื่น 755nm ที่เป็นความยาวคลื่นตามวิจัยทางการแพทย์ ทั้งจากแพทย์ผิวหนัง และรีวิวจากโรงพยาบาลรวมถึงคลินิกชั้นนำทั่วโลกที่เหมาะสำหรับการรักษาปัญหาเม็ดสีผิวจากฝ้าและกระ และฟื้นฟูผิวได้ดียิ่งขึ้น ด้วยนวัตกรรมการปล่อยพลังงานที่ลงลึกและแม่นยำถึงชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดการกระตุ้นการรักษาตามธรรมชาติของร่างกาย ให้ผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินโดยไม่มีผลข้างเคียงจากการสะสมความร้อนเหมือนเลเซอร์อื่น ๆ

เมื่อพลังงานเลเซอร์ความเร็วสูงผ่านเข้าไปในชั้นผิวแล้ว จะทำให้เม็ดสีส่วนเกินที่ตกค้างเกิดการแตกออกเป็นอนุภาคละเอียด เม็ดสีนี้รวมถึงเม็ดสีที่อยู่ภายในเมลาโนโซม (Melanosome) ซึ่งคือถุงกักเก็บและลำเลียงเม็ดสีเมลานินที่อยู่ในเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocyte) ทำให้รอยดำจางลงทันที หลังจากนั้นเม็ดสีที่ถูกทำลายจะถูกจัดการโดยเม็ดเลือดขาวและการผลัดผิวหลังตามหลัง ส่วนฟองอากาศจิ๋วๆหรือ LIOB ที่เกิดขึ้นจำนวนมหาศาลนั้น จะกระตุ้นให้ผิวหนังต้องสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อในส่วนที่เกิดฟองอากาศ ทำให้เกิดการสร้างผิวหนังใหม่กระตุ้นสเต็มเซลล์ ที่สำคัญที่สุดคือกระบวนการนี้เกิดโดยที่ผิวไม่ถูกรบกวนจากภายนอก (ผิวไม่บาง)

เลเซอร์ที่ความเร็วสูงสุดในระดับ 1 ต่อ ล้านล้านวินาที

การรักษาด้วยเครื่อง Pico laser เจ็บหรือไม่? 

การทำหัตถการเลเซอร์นั้นจะมีความรู้สึกเจ็บตึง ๆ คล้ายถูกหนังยางดีด แต่เป็นความรู้สึกเจ็บที่สามารถทนได้ ขณะทำเลเซอร์จะใช้เครื่องเป่าลมเย็นอุณหภูมิ -30 องศา ช่วยให้ความรู้สึกน้อยลงมาก สามารถทำโดยไม่ต้องทายาชา แต่การรักษารอยโรคบางอย่างเช่น ปานดำ ลบรอยสัก หลุมสิว หรือตำแหน่งที่ sensitive จะมีการทายาชา 30- 45 นาที เพื่อบรรเทาอาการเจ็บไว้แล้วส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับความไวของการรับความรู้สึกของแต่ละรายบุคคล

รักษาฝ้า กระ ทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล แต่ละครั้งห่างกันเท่าไร?

ผลลัพท์และความถี่ในการรักษานั้นขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อเลเซอร์และปัญหาผิวของแต่ละบุคคลรวมถึงการดูแลตนเองหลังการทำเลเซอร์ แต่โดยเบื้องต้นขอแนะนำดังนี้

  • ฝ้า 3-5 ครั้งเว้นระยะห่าง 2-4 สัปดาห์/ครั้ง
  • กระลึก 3-5 ครั้งขึ้นไปเว้นระยะห่าง  4-6 สัปดาห์/ครั้ง
  • กระแดด กระเนื้อต้องทำเลเซอร์ประมาณ 1-2 ครั้ง เว้นระยะห่าง 4-6 สัปดาห์/ครั้ง

หลังจากรักษา จะมีผลข้างเคียงใด ๆ หรือไม่? 

การรักษาด้วย Pico Laser ถึงแม้ว่าจะมีมาตรฐาน มีผลข้างเคียงน้อยมากหากเทียบกับการทำเลเซอร์แบบอื่น ๆ แต่อาจจะมีอาการข้างเคียงหลังทำขึ้นอยู่กับเครื่อง Pico laserที่เลือกใช้ และ  การตั้งค่าพลังงานในการจัดการกับปัญหาอย่างแม่นยำและเหมาะสมอย่างเช่น การรักษาที่ต้องใช้พลังงานที่สูงและยิงลงลึกถึงชั้นหนังแท้ หลังทำอาจจะทำให้มีรอยดำ ที่เกิดจากการอักเสบ PIH (Post Inflammatory Hyperpigmentation) จุดแดง เส้นเลือดฝอยแตก หน้าแดงค้างหลายวัน หรือการยิงโหมดเลือดออกเพื่อให้ผิวเกิดการกระตุ้นการสร้างคอนลาเจนและอิลาสติน ล้วนแต่อาจทำให้เกิด PIH ตามหลังได้ หรือในกรณีพลังงานที่ยิงรุนแรงจนเซลล์เม็ดสีถูกทำลายอาจเกิดจุดขาว ด่างขาวอย่างถาวรได้

ดังนั้นการเลือกให้ Pico Laser ที่มีความยาวคลื่นที่เหมาะสมกับปัญหาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการรักษาให้ได้ผลการรักษาที่ดี ไม่มีผลข้างเคียง

แต่ในปัจจุบันมีเครื่อง Picosure Pro นวัตกรรมเลเซอร์ Picosecond รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Cynosure ผู้ผลิตเครื่องเลเซอร์ชั้นนำของโลกเป็นเครื่องที่มีช่วงความยาวคลื่น 755nm ที่สามารถรักษาฝ้าและกระ  รอยโรคที่เกิดจากเม็ดสีในทุกสีผิว จางหายไปอย่างเห็นผลชัดเจน และจุดเด่นของ Picosure Pro ที่แตกต่างจาก Pico laser เครื่องอื่น ๆ คือหลังการรักษาแทบจะไม่ต้องพักฟื้น ใบหน้าจะแดง ๆ อมชมพูเล็กน้อย ไม่มีจุดเลือดออก โดยอาการดังกล่าวจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1-2 ชม. โดยไม่มีจุกดเลือดออก หรือเลือดสาดแบบเลเซอร์ชนิดอื่น  ในการรักษาฝ้า กระลึก หรือเม็ดสีที่ผิดปกติ อาจพบได้ว่ามีความเข้มขึ้นและจะค่อย ๆ จางลงภายในประมาณ 24 ชม.หลังการรักษา

สิ่งที่ควรระมัดระวังในการรับบริการเครื่อง Pico Laser

เครื่อง Pico Laser เป็นเลเซอร์ที่มีราคาแพงมีการใช้เครื่องเลียนแบบและใช้เครื่องปลอมที่ไม่ได้มาตรฐานเยอะมาก ซึ่งนอกจากจะไม่มีประสิทธิภาพในการรักษาแล้ว ยังอาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นก่อนจะทำการรักษาจึงควรพิจารณาลักษณะต่าง ๆ ของเครื่องให้ครบถ้วน รวมทั้งการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ สะอาด มีรีวิวจากผู้รับบริการจริง ราคาไม่ถูกจนเกินไป และการเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการใช้เครื่อง Pico Laser เพราะถึงแม้จะเป็นเครื่องเดียวกันแต่อาจได้ผลลัพธ์การรักษาไม่เหมือนกัน

การดูแลและปฎิบัติหลังทำเลเซอร์

การปฏิบัติตัวหลังทำโปรแกรม Pico Laser จะแตกต่างกันไปในแต่ละโปรแกรมที่รักษา ซึ่งแพทย์จะแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ตามมา

  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง การเจอแดดจัด ๆ  อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังการทำเลเซอร์
  • ควรทาครีมกันแดด SPF 50 PA+++ ทุกวัน แม้ว่าจะอยู่แต่ในอาคารก็ตาม อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังการทำเลเซอร์
  • ควรงดยาหรือครีมที่ทาเป็นประจำ เช่น ยาทารักษาสิว รวมถึงการผลัดเซลล์ผิว ในช่วง 1 สัปดาห์หลังการทำเลเซอร์ หรือจนกว่าแผลเลเซอร์จะหายเป็นปกติ
  • กรณีมีจุดเลือดออกจากการทำเลเซอร์ ไม่ควรให้บริเวณดังกล่าวถูกน้ำภายใน 1 วันหลังการทำเลเซอร์ แต่หากถูกน้ำให้ซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาด
  • ในวันถัดไปหลังจากทำเลเซอร์ ควรล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดและเจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยน ซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาด แล้วทาครีมหรือทายาตามที่แพทย์สั่ง
  • ห้ามถู แกะ เกา หรือทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดแรงเสียดสีบริเวณแผลเลเซอร์  
  • หลังทำเลเซอร์ผิวมักจะแห้งและระคายเคืองง่าย จึงควรใช้ครีมที่มีสรรพคุณบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น สม่ำเสมอ
  • สำหรับเครื่อง Picosure Pro สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ สามารถแต่งหน้าได้เลยในวันรุ่งขึ้น 
  • หากบริเวณที่ทำการเลเซอร์มีอาการผิดปกติ เช่น เป็นผื่นบวมแดง มีตุ่มหนอง ปวดแสบร้อนหรือคันมาก ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่และมาพบแพทย์

ทำไม Picosure Pro ถึงรักษาฝ้า กระได้ผลดีกว่า Picosure และ Pico Laser แบบอื่น ๆ ?

Picosure Pro เป็น Picosecond เครื่องแรกที่ได้รับการรับรอง FDA-cleared ในปัจจุบันที่ใช้รักษาปัญหาเม็ดสีโดยเฉพาะการรักษาฝ้าและกระลึก ในทุกสภาพผิวด้วยช่วงความยาวคลื่น 755nm และเลนส์ชนิดเรียบจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวโดยเห็นผลได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้นและยังได้รับการวิจัยทางการแพทย์ และรีวิวจากคลินิกและโรงพยาบาลชั้นนำอีกด้วย

ถ้าจะแบ่ง Pico Laser ในปัจจุบัน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
1.Pico 532/1064 nm ซึ่งสามารถรักษาปัญหาผิวได้หลากหลาย รอยดำ กระ ฝ้า รอยสิว หลุมสิว โดยเฉพาะการลบรอยสัก สามารถลบสี
2.Pico 755nm

ควรเลือกคลินิกที่ผ่านมาตรฐาน ทำหัตถการโดยแพทยืผู้เชี่ยวชาญ

Share the Post:

บทความอื่น ๆ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
Scroll to Top